Monday, February 25, 2008

Clip video Only the lonely 25-1-51 ด้วยรักและผูกพัน ต่อถิ่นฐานบ้านเกิด - อำนาจ แสงสุข

สัมภาษณ์ประวัติชีวิต ผลงาน และแนวคิด ของ อำนาจ แสงสุข หรือ น.เมืองสรวง ผู้ที่ยืนหยัดทำกิจกรรมเพื่อสังคม ในพื้นที่ตำบลหนองสรวง อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ โดยรวมกลุ่มเพื่อนๆคนรักบ้านเกิดจัดทำกิจกรรมพัฒนาสังคม ตามแนวทางของตัวเองขึ้นมา เจาะเรื่องราวการทำโครงการในแบบของตัวเอง, เวบไซต์หนองสรวงดอทเนต และเบื้องหลังของหนังสือ ก่อร่าง สร้างฝัน ที่หนองสรวง ที่เขียนร่วมกับอาษา อาษาไชย ออกอากาศในรายการ Only the lonelyเมื่อ 25 ม.ค. 2551 ทาง ASTV 3 โดย 2 พิธีกร พี่ฮอลล์ จรินยา ศักดิ์ศิริ และ พี่ปุ้ย รศ.ดร.กุลธิดา ธรรมวิภัช


















Read More......

Tuesday, January 29, 2008

Only the lonely 28 jan 51 : การแต่งงานมีความสำคัญแค่ไหนกับการสร้างครอบครัวใหม่

VTR คุณคิดว่าการแต่งงาน มีความสำคัญแค่ไหนกับการสร้างครอบครัวใหม่



- สำคัญ เป็นหลักฐาน ที่แสดงให้คนอื่นรับรู้

- เป็นการประกาศให้คนภายนอกรับรู้ว่า เริ่มต้นชีวิตคู่แล้วนะ

- เพราะรักกันจริงจึงแต่งงานกันได้

- มีความสำคัญในระดับหนึ่ง สิ่งที่สำคัญคือ มาจากความเข้าใจระหว่างคนสองคนมากกว่าการแต่งงาน ซึ่งเป็นเพียงแค่พิธีกรรม

- เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างครอบครัว

- ทำให้ผู้ใหญ่ยอมรับในการแต่งงานมากกว่าอยู่ด้วยกันเฉยๆ ดูมีความมั่นคงมากกว่า

- เป็นส่วนประกอบในการอยู่ด้วยกัน แสดงให้คนอื่นรับรู้ว่า อยู่คู่กันแล้ว








ช่วง lonely talk กับ ดร.นรินทร์ กรินชัย


- เพลงที่ฟังแล้ว เกี่ยวกับงานแต่งงาน เช่น แต่ปางก่อน คู่กรรม ฯลฯ

- การแต่งงานคือ สิ่งที่อุปโลกจึ้น การแต่งงานของคนไทย แขกของพ่อแม่ เยอะมากๆ ครอบครัวคาดหวังมาก




แต่ความจริง ไม่ได้อยู่แค่นั้น

........การแต่งงานไม่ได้บอกว่าครอบครัวจะไปรอด

........การแต่งงานไม่ได้บอกว่าผู้ชายจะเป็นคนดี

........การแต่งงานไม่ได้บอกว่าลูกชายจะสมบูรณ์แบบ




ในสังคมไทยนั้น ประเด็น การแต่งงาน กับการจดทะเบียนสมรสนั้น แยกกัน




การแต่งงานนั้น เป็นความเชื่อของมนุษย์ เป็นวิถีสังคม


......ครอบครัวของ ดร.นรินทร์ จัดงานแต่งงานอย่างอลังการ เหลือเชื่อ แจกของชำร่วย ชิ้นละกว่าร้อยบาทขึ้นไป (เมื่อหลายปีที่แล้ว) มีแขกมาร่วมงานเยอะ และจัดงานแต่งงานยังกะงาน Presentation




ในมุมมองของพี่ฮอลล์ รู้สึกว่า การแต่งงานไม่สำคัญ พี่ฮอลล์ แต่งเพราะมัน...


.... ที่พี่ฮอลล์ตกลงจะอยู่ด้วยกันกับเขาคนนั้น เพราะเค้าชวนซื้อบ้าน เกิดความรู้สึกมั่นคง เพราะไม่ได้อยู่คนเดียว เค้าบอกว่า เราน่าจะอยู่ด้วยกันได้
ซึ่งมองดูแล้ว เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ การร่วมชีวิต - ซื้อบ้านด้วยกัน ซึ่งในช่วงนั้น ทั้งพี่ฮอลล์และแฟนคนนั้น ทำงานแล้ว ได้งานที่ดีด้วยกันทั้งคู่ เริ่มต้นจากอยู่ด้วยกันก่อน ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส อยู่กันไปได้ไม่กี่เดือน ฝ่ายชายก็ชวนแต่งงาน





การแต่งงานของพี่ฮอลล์ จัดเอามันๆ แบบที่จัด Event งานที่เอเจนซี่จัด จัดใหญ่แต่ Concept ดี งบไม่เปลือง มีมิวสิควิดีโอด้วย
แต่งงานมาตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส บรรยากาศการแต่งงาน เฮฮา ออกข่าวในทีวี และลงข่าวใน นสพ.หลายฉบับ




สำหรับงานแต่งงานทั่วไป แขกที่มาร่วมงาน ส่วนใหญ่เป็น แขกของพ่อ แขกของแม่ ส่วนแขกของลูก มีถึง 1 ใน 3 รึเปล่าก็ไม่แน่ใจ พ่อแม่จะยืนคอยรับแขก




บางคน แต่งงานเพื่อพ่อแม่ ให้เกียรติพ่อแม่ เหมือนบวชให้พ่อแม่

ผู้ใหญ่มองว่า การแต่งงาน จำเป็นต้องกระทำ ส่วนคนยุคใหม่ มองว่า แล้วแต่ความคิด แต่ไม่จำเป็นก้ได้




กรณีสมรสพระราชทาน ห้ามหย่า แต่ถ้าเกิดปัญหาในชีวิตคู่ ก็จะแยกกันอยู่




การแต่งงานที่จัดอย่างใหญ่โต ไม่ได้เป็นสิ่งที่บอกว่า ชีวิตคู่จะยั่งยืนนะ

หลายคู่แต่งงาน ไปทำบุญเลี้ยงพระที่โรงพยาบาลสงฆ์ กทม. ซึ่งถือว่า เลิศจริงๆ จนมาถึงปัจจุบันนี้หากต้องการไปทำบุญเลี้ยงพระที่ รพ.สงฆ์ ต้องจองล่วงหน้า 3 เดือน





มีคู่แต่งงานที่จัดงานแต่งแล้ว จัดกิจกรรมพิเศษ งดรับของขวัญ รับเงินไปทำบุญ...




คุณสาธิตา โทรเข้ามาพูดคุย บอกว่า งานแต่งงาน สำคัญนะ เพื่อเป็นการให้เกียรติ พ่อแม่


ตอนที่คุณสาธิตา แต่งงาน ใส่ชุดเจ้าสาวแล้วดู Sexy แต่งเพื่อให้ญาติผู้ใหญ่รับรู้ มีขั้นตอนง่ายๆ คือ การยกน้ำชาแบบคนจีน
มาถึงรุ่นลูก เป็นการกินเลี้ยงในภัตตาคาร




ถ้าจัดโต๊ะจีน เจ้าภาพพยายามเชิญแขกมาเป็นชุดๆ




.... เรื่องการจดทะเบียนสมรส คนที่ทำธุรกิจไม่อยากจด ตอนที่หย่าแล้วยุ่ง



เพื่อนของคุณสาธิตา อยากมีลูกมากๆ เมื่อแต่งงานแล้ว มีปัญหา สามีไปมีเมียน้อย เลยไปแต่งงานใหม่ ซึ่งดูแล้ว สามีใหม่ ดูดีมากๆ แต่ความจริง ชั่วเหลือเกิน




พอเพื่อนของคุณสาธิตา มีลูกกับเพื่อนของเธอแล้ว ไม่สนใจใยดีอะไรเลย ไม่ดูแลลูกเลย แต่เพื่อนสาวก็ไม่แยแส ได้ลูกแล้วก็ OK
มีความสุขตามอัตภาพ และมีภาวะที่เป็นแม่คนได้




ผู้หญิง มีวัยเจริญพันธุ์ถึงแค่ช่วงอายุ 34-35 ปี หลังจากช่วงนี้ไป จะเริ่มเสื่อมแล้ว

ส่วนใครที่มีลูกแล้ว เลย 35 ก็สามารถที่จะมีลูกได้เรื่อยๆ

คุณสาธิต มีลูกคนแรกตอนอายุ 18 ปี มีคนที่ 2 ตอนอายุ 24 ปี




นี่คือ เนื้อหาสาระที่พูดคุยกันในรายการ Only the lonely เมื่อคืนที่ผ่านมา








ความคิดเห็นที่ 1
ย ุคใหม่ หลาย ๆ คู่มีความสัมพันธ์กัน แต่ดูเหมือนไม่ใส่ใจแต่งงานให้เป็นเรื่องเป็นราว ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง การอยู่กันฉันท์สามีภรรยา งานแต่งงานมีส่วนบ่งบอกจากฝ่ายชายว่า ให้เกียรติ แก่ฝ่ายหญิง และงานแต่งก็ไม่สำคัญที่ใหญ่โต เลิศหรูหรา แต่พอเหมาะพอควร ให้ฝ่ายหญิ่งได้ภาคภูมิใจ ไม่เป็นการเริ่มต้นที่ดีหรอกหรือ ก้าวต่อไปก็ขึ้นอยู่กับทั้งสองจะประคับประคองครอบครัวที่ช่วยกันสร้างขึ้นมา อย่างไรนะคะ
โดย lady เมื่อ 29 มกราคม 2551 เวลา : 14:52

ความคิดเห็นที่ 2
แต่งงาน ให้มีพิธีบ้างดีกว่า ขอแต่อย่าให้เปลืองเงินทองมากจนเกินไป
โดย 11arrows เมื่อ 29 มกราคม 2551 เวลา : 17:59

ความคิดเห็นที่ 3
สำหรับ siesta การแต่งงานเป็นแค่ "พิธีกรรม" ทางสังคมเท่านั้นค่ะ
โดย siesta เมื่อ 29 มกราคม 2551 เวลา : 19:25

ความคิดเห็นที่ 4
โ บราณท่านว่า การจัดงานแต่งงาน ขึ้นนั้น ถือเป็นการให้เกียรติแก่ครอบครัวฝ่ายหญิงน่ะค่ะ ....หากผู้ชายไม่รักผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ คงไม่ยกย่องเธอเป็นภรรยา หรือเป็นแม่ของลูกหรอกค่ะ ...ทำไ้ด้ก็เป็นหญิงชั่วคราวเท่านั้น
โดย nabhasan เมื่อ 29 มกราคม 2551 เวลา : 21:42

ความคิดเห็นที่ 5
เ พิ่มเติมให้อีกนิดค่ะว่า .....ไม่เช่นนั้น คงไม่มีละคร ยุทธการหักคานทองหรอกค่ะ :)) เพราะเป็นค่านิยม และความใฝ่ฝันของลูกผู้หญิงเกือบทุกคน หากมีแฟน ก็อยากจะมีพิธีแต่งงานค่ะ ^^ ...เพื่อจะได้ให้สังคมรับรู้ว่า ไม่ได้หนี หอบเสื้อผ้า ตามกันมา ^^
โดย nabhasan เมื่อ 29 มกราคม 2551 เวลา : 21:45

ความคิดเห็นที่ 6
ม าขอบคุณที่เขียนถึง...แต่เขียนไม่จบ เกรงผู้อื่นอ่านแล้วเข้าใจผิดค่ะ จึงมาต่อเรื่องให้ว่า...พี่อยู่ก่อนแต่ง เพราะตกลงซื้อบ้านด้วยกันผู้ใหญ่รับรู้ให้อยู่ด้วยกันโดยไม่ต้องทำพิธี เริ่มอยู่กันที่บ้านจะว่าเป็นเรือนหอก็ได้ แต่หลังจากนั้นแค่ไม่กี่เดือน ฝ่ายชายจึงชวนจัดงานพิธีกิ๊บเก๋ยูเรก้า และไปจดทะเบียนสมรสทีหลังอีกนาน...และความจริงทั้งหมด...คือตอนนี้หย่าแล้ว หย่านานแล้วด้วย...
โดย pijika เมื่อ 30 มกราคม 2551 เวลา : 2:30

ความคิดเห็นที่ 7
แ วะมาบ้านนายบอนหลายรอบ แต่เข้าบ่ได้อะคะ ว่าจะเอารูปที่ตอนไปรายการมาลงซะหน่อย แต่ก็เข้าไม่ได้ซะที วันนี้เข้าได้แย้วๆ เย้ๆๆ เรื่องวันนั้นโดนใจอย่างแรง บางทีการแต่งงานมันก็มีหลายมุม จะแต่งหรือไม่คงแต่ว่าคน 2 คน แต่เอไม่ใช่ ต้องแล้วแต่สังคมและญาติพี่น้องของทั้ง 2 ฝ่ายด้วย แต่การแต่งถ้าเป็นแนวคนจีนเค้าถือว่าเป็นการให้เกียรติกับฝ่ายหญิง งานจะเล็กจะใหญ่ไม่สำคัญ อยู่ที่ความสามารถของแต่ละบุคคล แต่ผู้ใหญ่เค้าคงมองไปไกลกว่าเราว่าคนที่มาขอจะสามารถดูแลเราได้มากน้อยแค่ไ หนตรงนี้สำคัญกว่า แต่ที่รู้ๆ ณบัดนี้ หาบันไดลงจากคานไม่ได้แล้ว ก๊ากกกกกกกก ไปดีกว่า 555 อยู่ข้างบนก็สบายไม่น้อยนะคะนายบอน อิอิ
โดย eeh http://pinkkitty.bloggang.com/ เมื่อ 30 มกราคม 2551 เวลา : 13:41

Read More......

Monday, January 28, 2008

จาก CD รายการ Only the lonely สู่แรงบันดาลใจของเด็ก ม.5 ที่กาฬสินธุ์

นี่เป็นอีกเรื่องราวจากสังคมเล็กๆที่ครูตุ่ม เพื่อนของครูน้อย ศศิพร เขียนมาฝากเผยแพร่ใน mblog ครับ



นายบอน กาฬสินธุ์



+ + + +


บันทึกของครูตุ่ม : CD สู่แรงบันดาลใจของเด็ก ม.5




เมื่อ 7 ม.ค.2551 ครูน้อยเอา CD ของรายการ Only the lonely ตอน เพราะรักจึงเขียนมาให้ฉันดู พอดูแล้ว เลย Copy CD อีก 5 แผ่น เพื่อแจกให้เพื่อนๆของฉันได้ดู CD นี้ด้วย









1 ใน 5 แผ่นจากฉัน ถูกส่งให้เพื่อนคนหนึ่งที่สนิทมาก แล้วเพื่อนคนนี้ก็ Copy เพิ่มอีก 2 แผ่น แจกเพื่อนอีก 2 คน ไปแบ่งกันดู ซึ่งเพื่อนคนหนึ่งเอา CD ไปเปิดดูที่บ้านจนน้องสาวที่กำลังเรียนชั้น ม.5 มาเห็น เลยนั่งดูกับพี่ชายของเธอ ดูแล้วชอบในเนื้อหา เลยเปิด CD ดูอีกครั้งตั้งแต่ต้นจนจบ




สาว ม.5 คนนี้ เธอชื่อ เจี๊ยบ เธอชอบเขียนเรื่องสั้น และขำขันส่ง ขายหัวเราะ และชอบแต่งกลอน ส่งไปลงนิตยสาร สกุลไทย ขวัญเรือน หญิงไทย แต่มีเพียงแค่ ขำขัน 2 ชิ้นที่ได้ลงในขายหัวเราะ ได้ค่าตอบแทนมาแค่ไม่กี่ร้อยบาท นอกนั้นถูกปฏิเสธหมด น้องเจี๊ยบได้แต่เขียนระบายในสมุดและกระดาษใช้แล้ว กองทิ้งเอาไว้ในห้องนอน




เมื่อเธอได้ดู CD ที่สัมภาษณ์คุณโกศล อนุสิมแล้ว น้องเจี๊ยบเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาทันที จนต้องเปิดดูอีกรอบ แล้วถามพี่ชายว่า มี CD รายการนี้อีกไหม พี่ชายของเธอจึงไปถามเพื่อนของฉัน ซึ่งเขาได้ Write CD เพิ่มอีก 4 แผ่น เรื่องนักเขียนออนไลน์ ของคุณบอน กาฬสินธุ์ เลยให้พี่ชายของน้องเจี๊ยบไป 1 แผ่น น้องเจี๊ยบก็เอาไปเปิดดูอีก 2-3 รอบ แล้วเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาทันที กลับไปค้นบันทึก เรื่องที่เขียนทิ้งไว้มานั่งดู แก้ไข และจะเย็บเล่มเป็นหนังสือทำมือบ้าง และจะเอาไปพิมพ์เผยแพร่ในอินเทอร์เนตบ้าง ส่วนบทกวีก็เตรียมเอาไปอ่านออกเสียงตามสายในโรงเรียนของเธอ








น้องเจี๊ยบถามอีกว่า มี CD รายการนี้อีกมั้ย ทำไมรายการนี้ ไม่เห็นในช่องฟรีทีวีบ้าง เวลาที่สัมภาษณ์พูดคุย ดูจะมากกว่ารายการอื่นๆในฟรีทีวี ซึ่งนั่งฟังไม่เท่าไหร่ ก็ตัดโฆษณาซะแล้ว ดูได้เนื้อหาสาระน้อยกว่ารายการนี้มาก




คติที่น้องเจี๊ยบได้จากการดู CD 2 แผ่น พบว่า แต่ละคนล้วนใช้ความพยายามมาอย่างยาวนานทั้งสิ้น ไม่มีความสำเร็จใดได้มาง่ายๆในเวลาอันรวดเร็ว ความสำเร็จของผลงานนั้น อยู่ที่ความมุ่งมั่นตั้งใจ




ฉันได้ฟังสิ่งที่น้องเจี๊ยบพูดออกมาแล้ว รู้สึกดีมากๆ ที่น้องเจี๊ยบ ดูแล้ว คิดได้เอง และได้อะไรหลายอย่างจากการดู CD แผ่นนี้ ถือเป็นความฝันของคนเป็นครูเลยนะคะ ที่เห็นนักเรียนคิดเป็นอย่างนี้ ต้องขอบคุณครูน้อยเพื่อนรักที่เอา CD มาให้ฉันดู และฉันคิดถูกจริงๆที่ Copy CD เพิ่มอีกหลายแผ่นเพื่อแจกเพื่อนๆให้ได้ดูกัน คนอื่นๆที่ได้ดู CD นี้แล้ว คงจะเกิดแรงบันดาลใจขึ้นบ้างนะคะ




ขอบคุณรายการ Only the lonely ค่ะ

ครูต้อม (เพื่อนของครูน้อย ศศิพร)





+ + +



หมายเหตุนายบอน


ได้ส่ง CD ของรายการ ตอนที่สัมภาษณ์ อ.วิทยากร เชียงกูลให้ครูน้อยไปแล้วครับ

ส่วนตอนอื่นๆ คงจะได้ส่งให้ต่อไป




ความคิดเห็นที่ 1
ดีครับ ดีๆ
โดย milo2005 เมื่อ 28 มกราคม 2551 เวลา : 19:04

ความคิดเห็นที่ 2
...เอามาม่า มาสิร์ฟค่ะ...เอ หรือว่าจาเอา ไข่เจียว ดีน๊า...ตำชั้ว ดีกว่าใส่พริกเม็ดเดียว ;-))
โดย tomorrow เมื่อ 28 มกราคม 2551 เวลา : 20:00

ความคิดเห็นที่ 3
เยี่ยมมาก ๆ เลยครับ เรื่องดี ๆ อย่างนี้ต้องขยายครับ ;)
โดย kooyik เมื่อ 29 มกราคม 2551 เวลา : 10:39

ความคิดเห็นที่ 4
นายบอน ครูน้อย คือสุดยอดแฟนพันธ์แท้จริงๆ ค่ะ แถมยังชักชวนครูต้อม และเด็กๆ ดูด้วย ขอบคุณมากๆ ค่ะ
โดย pijika เมื่อ 30 มกราคม 2551 เวลา : 2:31

Read More......

โลกมุมเล็กที่คนส่วนใหญ่เฉยเมย - CD รายการ Only the lonely

คนไทยยุคนี้ มักจะตัดสินใจไปตามกระแสที่ได้ยินมา ตัดสินจากสิ่งที่หลายคนบอกว่าดี หรือหลายคนพูดถึงบ่อยๆ หลายเรื่องแทบจะไม่รู้ถึงความถูกผิด หรือ

ความเป็นจริงของเรื่องนั้นเลย

สำหรับคนภาคอีสาน ในสายตาของคนภาคอื่นหลายคน อาจมองด้วยสายตาแปลกๆ ยิ่งเรื่องเกี่ยวกับการเมืองแล้ว คนภูมิภาคอื่นมักสรุปทันทีว่า คนอีสานนี้.

ไม่ไหวจริงๆ

แต่คนอีสานทุกคนไม่ได้เป็นอย่างที่คนภูมิภาคอื่นคิดเช่นนั้น แม้แต่ในหมู่คนอีสานเองก็ยังคิดไม่เหมือนกันทุกคน

เมื่อฉันยื่น VCD รายการ Only the lonely ให้เพื่อนครูคนหนึ่ง คนที่อยู่ใกล้ๆกัน มองฉันด้วยสายตาแปลกๆ แล้วถามว่า อยู่พรรคการเมืองนั้นด้วยหรือ เป็น CD

ของอดีตนายกใช่ไหม.... เมื่อฉันเล่ารายละเอียดให้ฟัง เขาคนนั้นมองฉันด้วยสายตาแปลกๆ "มีรายการประหลาดอย่างนี้ด้วย ไม่เคยเห็นในทีวีสักครั้ง จะสนุก

สู้ละครได้รึเปล่าล่ะ"

ทั้งๆที่เพื่อนครูของฉันกำลังเปิดดู VCD อยู่ แต่ดูเหมือนว่าเขาคนนั้นได้ตัดสินไปแล้วว่า เป็นสิ่งแปลกประหลาด เพราะไม่เคยพบเห็นในทีวี

ปกติ

ยุคนี้เป็นยุคแห่งความฉาบฉวย ยุคที่ข้อมูลข่าวสารท่วมโลก มันมากมายจนคนเราไม่อยากเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ ให้รกสมองกว่าเดิม และทำให้คนส่วนใหญ่เฉย

เมยต่อโลกมุมเล็กๆ เช่น รายการ Only the lonely ที่ออกอากาศในสถานีโทรทัศน์เล็กๆอย่าง ASTV

ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ทุกรายการ มีสาระและประโยชน์กันทั้งนั้น อยู่ที่มุมมองและความชอบของผู้ชม ในเวบ mblog - http://weblog.manager.co.th ซึ่งมี

บันทึกที่หลากหลาย ฉันเห็นบันทึกเกี่ยวกับรายการ Only the lonely ที่นายบอนพยายามเขียนเล่าถึงรายการนี้ รายการที่น้อยคนใน mblog ที่จะมีโอกาสได้ดู

เพราะไม่ได้ติดจานดาวเทียม ไม่ได้ติดเคเบิลทีวี หรือในช่วงเวลา 5 ทุ่ม กำลังทำกิจกรรมอื่นอยู่ หรือเปิดดูทีวีช่องอื่นอยู่ เมื่อสังเกตจำนวน Comment ของ

บันทึกเกี่ยวกับรายการ Only the lonely ที่นายบอนเขียนนั้น มีจำนวน comment น้อยเหลือเกิน เมื่อเทียบกับบันทึกของคนอื่น

แน่นอน อาจเพราะว่า คนอื่นๆ ไม่รู้เรื่องในสิ่งที่รายการ Only the lonely นำเสนอออกมา , ไม่สนิทกับนายบอน เลยไม่อยากจะ comment , ไม่รู้จะ

comment เรื่องอะไร หรือ อาจจะมองเห็นตัวหนังสือเยอะเกินไป เลยขี้เกียจอ่าน

แต่ไม่ว่าคนส่วนใหญ่จะเมินเฉย ไม่สนใจก็ตาม แต่โลกมุมเล็กๆ CD รายการ Only the lonely ที่ถูกนำมาเปิดในหมู่บ้านเล็กๆ ได้ทำให้ผู้ที่มีโอกาสได้ดู

ประทับใจ เกิดความคิดบางอย่างขึ้น ทำให้มีส่วนร่วมเล็กๆน้อยๆกับทางรายการ .. แค่นี้ก็มีความสุขแล้วล่ะค่ะ

ครูน้อย ศศิพร
28 ม.ค.2551



Read More......

ดูรายการวันจันทร์แล้ว ย้อนดูตัว เพื่อปรับปรุงตัวเอง

เปิดรายการ Only the lonely คืนวันจันทร์ที่ 28 ม.ค.2551 แล้วนึกย้อนกลับไปถึงเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว 21 ม.ค.2551 ที่นายบอนไปร่วมแจม ร่วมคุยในรายการกับพี่ปุ้ย พี่ฮอลล์ และ ดร.นรินทร์


ดูแล้ว ประเมินข้อบกพร่องของตัวเอง จากการที่นายบอนเป็นคนพูดน้อย ไปนั่งอยู่ในกลุ่มคนพูดเก่ง เลยอึ้งๆกลายเป็นคนพุดช้ามากๆ ในความรู้สึกของพี่ฮอลล์ไปเลย

นั่งดูรายการสดในคืนวันจันทร์ที่ 28 ม.ค.2551 ดูแล้วก็ประเมินตัวเองว่า

1. ไม่รู้จักจังหวะในการพูด การรับส่งกับพี่ๆ 3 พิธีกร ในประเด็นนั้น มัวแต่รอให้พี่ฮอลล์ส่งจังหวะให้ แถมยังเตรียมตัวไม่ดี
2. ตื่นเต้น ประหม่า จนคิดอะไรไม่ออก สมองไม่แล่น
3. ประสบการณ์ชีวิตในประเด็นที่พูดมีน้อย เลยไม่ค่อยมีแง่มุมที่จะหยิบมาพูด แต่เมื่อนึกดูอีกทีแล้ว... นึกไม่ออกมากกว่า
4. ไม่ยอมอ่าน พูดตามสคริปส์รายการซะเลย เลยทำให้นึก - คิดได้ช้า
5. ง่วง ลืมกินกาแฟ

การไปร่วมรายการ ไปนั่งถาม นั่งคุยด้วย ทำให้รายการดูไม่ Lonely เพราะนั่งคุยกัน 4 คน เต็มจอ เป็นประโยชน์ต่อผู้ชมในการให้เนื้อหาสาระอยู่แล้ว เป็นการเพิ่มสีสันให้รายการสดยามดึกเพิ่มอีกนิดนึง

เมื่อนั่วงพิจารณารายการเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 28 ม.ค.2551 ที่าจัดกัน 3 คนตามปกติ มองเห็นจุดบกพร่องของตัวนายบอนเอง ที่สมควรจะต้องปรับปรุง หากจะไปร่วมซักถามในรายการ เพื่อให้รายการสนุก ไม่เป็นตัวขัดจังหวะการพูดคุยที่กำลังลื่นไหลในเวลาออกอากาศ

อาจเพราะนายบอนเกร็ง ยังไม่คุ้นเคย สนิทสนมกับ ดร.นรินทร์ เลยไม่ค่อยกล้าพูดด้วย แต่ตอนจบรายการ เมื่อ ดร.นรินทร์ ขับรถมาส่งที่หมอชิต ท่านชวน
คุยซักถามอย่างเป็นกันเอง คุยเร็ว ถามเร็ว นายบอนก็ต้องตอบเร็ว.ๆ...

ถ้ามีโอกาสไปร่วมซักถามในรายการคราวหน้า คงต้องแก้จุดบกพร่องเรื่องการพูดช้าของตัวเอง และไม่เป็นตัวขัดจังหวะการพูดที่ลื่นไหลของพี่ๆทั้ง 3 คน ต้องปรับปรุงตัวเพื่อให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะเพื่อนๆ ช่วยเสนอประเด็นให้ไปถามในรายการมาอีกแล้ว ในประเด็น เรื่อง ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้

...


Read More......

Sunday, January 27, 2008

Only the lonely ด้วยรักและผูกพัน (ต่อถิ่นฐานบ้านเกิด) .... พาหนุ่มโรงงานไปออกทีวี

...


คืนวันศุกร์ที่ 25 ม.ค.2551 มีแขกรับเชิญของรายการ Only the lonely คือ คุณอำนาจ แสงสุข ที่นายบอนต้องพามาออกรายการในวันนั้น
เขาทำงานอยู่ที่บริษัทเปิดใหม่ใน จ.นครราชสีมา ในตำแหน่งฝ่ายควบคุมคุณภาพ และวันศุกร์ เป็นวันหยุดงานประจำสัปดาห์ของเขา ซึ่งเขาบอกหัวหน้างานของเขาว่า จะไปออกรายการทีวี ทีแรก หัวหน้าแทบไม่เชื่อ หัวเราะแต่ก็ให้กำลังใจ....

นายบอนเคยเขียนถึงเรื่องราวการบุกห้องสตูดิโอ Only the lonely

แต่บันทึกนี้ เอาตั้งแต่ก่อนที่แขกรับเชิญจะออกรายการ เริ่มตั้งแต่ที่ บขส.โคราช และจบลงที่ บขส.โคราชเช่นกัน ภายในระยะเวลา 15 ชั่วโมง



นายบอนนัดเจอกับคุณอำนาจ แสงสุข ที่ บขส.ใหม่โคราช ตอน 13.00 น. เขาขับรถมอเตอร์ไซต์ออกจากบ้านด่านทองหลาง ต.โตนด ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร มายังตัวเมืองโคราช แต่นายบอนมาถึงช้า เลยโทรบอกเขา ซึ่งรถมอเตอร์ไซต์ของเขา กำลังเกิดปัญหา มีควันขาวออกมาเต็มไปหมด ขอเวลาแวะเข้าปั้มน้ำมัน เช็คเครื่อง ซึ่งปัญหาเกิดจากการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ที่เติมน้ำมันเครื่องใหม่เข้าไป แต่ไม่ได้ถ่ายน้ำมันเครื่องเก่าออก

นายบอนมาถึง บขส.โคราชตอน 13.40 น. มาถึง เขาก็นั่งกอดอดรออยู่แล้ว นายบอนเลยขอตัวสั่งข้าวมันไก่มานั่งทานก่อน ก่อนจะพาขึ้นรถ ป.1 สุรนารีแอร์ เข้า กทม.ตอน 14.20 น. ได้นั่งเบาะหน้าสุดเลย พอขึ้นรถปุ๊บ สักพัก เขาก็โทรรายงานเมียปุ๊บ ระหว่างเดินทาง เขาก็สอบถามตลอดว่า พิธีกรรายการจะถามอะไร แบบไหนบ้าง ดูกังวลไม่น้อย เลยดื่มน้ำที่พนักงานให้บริการบนรถเอามาเสิร์ฟหลายแก้ว และเดินเข้าห้องน้ำบ่อยๆ



พอรถมาถึงรังสิต นายบอนก็โทรรายงานตัวกะพี่ฮอลล์ ซึ่งตอบกลับมาว่า พี่กำลังเขียนสคริปส์อยู่ ...อ้าว สดๆร้อนๆเลยหรือครับ แหม สบายจัง ส่งหนังสือให้แล้ว นอนตีพุงเลยนะพี่ แต่พี่ปุ้ยบอกว่า ได้ทำสคริปไว้แล้ว แต่ให้พี่ฮอลล์ เพิ่มเติม เพราะหนังสืออยู่กับพี่ฮอลล์ รถมาถึงหมอชิตเกือบ 18.00 น. แล้วนายบอนก็พาคุณอำนาจ มาพักผ่อนรอเวลาอยู่ที่สวนจตุจักร ซึ่งเขาก็หยิบกล้องมาลองถ่ายรูป โทรหาเพื่อนและหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาเปิดอ่าน ดังภาพ



นั่งที่จตุจักรสักพัก ก็พากันเดินจากจตุจักร มายังเซ็นทรัลพลาซ่าลาดพร้าว ไม่อยากขึ้นรถเมล์นั่งมา เพราะเซ็งรถติด (พาเค้าเดินไกล จนรองเท้าขาดบางส่วน) มากินข้าวที่ชั้นใต้ดินเซ็นทรัลและไปนั่งพักผ่อนบนชั้น 3 นั่งดูสาวๆร้านขายแว่นตา และหนุ่มสาวที่เดินผ่านแถวนั้น ให้เกิดอาการอิจฉาตาร้อนขึ้น จนถึง 3 ทุ่ม ก็พากันเดินมายังเมเจอร์ รัชโยธิน มารอพี่ฮอลล์ตรงจุดนัดพบ..

เห็นรถติดวันศุกร์ แล้ว ไม่อยากจะไปไหนไกลๆ เบื่อรถติด ถ้าพาคุณอำนาจ นั่งรถไปเที่ยวไกลๆ เดี๋ยวจะเพลีย เหนื่อย พอถึงเวลาออกรายการ จะเพลียมากๆ จนหลับกลางรายการซะก่อน

วันศุกร์ รถติดมากๆ พี่ฮอลล์โทรมา 2 หน บอกว่า ยังออกจากซอยไม่ได้เลย อีกครั้งโทรมาบอกว่า ใกล้จะออกจากซอยได้แล้วนะ โห.. นั่งรอกันเพลิน เกือบ 4 ทุ่ม แต่เพลินจริงๆ เพราะนั่งดูสาวๆที่เดินผ่านไปมาในมุมไฟสลัว จนต้องพักสายตา พาคุณอำนาจ ไปซื้อเครื่องดื่มใน 7-11 เขาซื้อ กาแฟกระป๋อง + เครื่องดื่มบำรุงกำลัง... กระทิงแดง ไม่ใช่สิ ยี่ห้อ "ลูกทุ่ง" ดื่ม 1 กระป๋อง 1 ขวดเข้าไป แหม ไปออกรายการทีวี ให้สัมภาษณ์นะพี่ ไม่ได้ไปแบกกระสอบข้าวสาร แต่เขาบอกว่า นี่แหละ เอาอยู่...

พอซื้อของแล้ว ก็พาเขาไปนั่งตรงป้ายรถเมล์ ถ้านั่งตรงที่เดิม จะเหมือนโจรมุมตึกไปหน่อย แค่จะไปรอพี่ฮอลล์ตรงสะพานลอย พี่ฮอลล์ยังแซวว่า เป็นโจรใต้สะพานลอยเข้าให้ !!! สักพัก พี่ฮอลล์ก็โผล่มาพอดี เลยพากันเปิดประตูขึ้นรถตรงนั้น แล้วพี่ฮอลล์ก็พาซิ่งออกมาทันที

ขึ้นรถปุ๊บ หลังจากไหว้สวัสดีทักทายพี่ท่านแล้ว พี่ฮอลล์ก็เม้า + นินทาทันที เริ่มจากที่นายบอนมาวันจันทร์ นายบอนพูดช้าจังว่ะ จนพี่ฮอลล์ไม่กล้าพูดเร็ว กลัวนายบอนจะหลับ เอ๊ย ไม่ได้พูด "ต้องพูดให้เร็วขึ้นนะ" .... เอ๊ะ ยังไงกันพี่ นี่จะใช้งานน้องให้มาประกบกะ ดร.นรินทร์อีกรอบหรือครับ จะมีโอกาสได้มาวันจันทร์ไหนอีกรึเปล่าล่ะน้อ พอพี่ฮอลล์เม้านายบอนเสร็จ ก็เม้า ดร.นรินทร์กันต่อ ในประเด็น 1 2 3 4 ... แล้วกำชับ เอ๊ย อย่าไปเขียนแฉใน mblog นะโว้ย....... แหม ขนาด ดร.นรินทร์ ยังเอามาแอบเม้าอย่างเมามัน แล้วนายบอนเนี่ย จะเหลือเรอะ พี่ฮอลล์คงเอานายบอนไปเม้าท์จนเปื่อยยุ่ยไปแล้วม้างเนี่ย .......


.......... แล้วก็เม้าต่อ เรื่องคนดัง และดาราในวงการบันเทิงที่พากันไปผ่าตัด เสริมนั่น ดึงนี่จนเป็นแฟชั่นระบาดไปทั่ววงการ มีคนมาชวนพี่ฮอลล์หลายครั้ง แต่พี่ฮอลล์บอกว่า ไม่เอาหรอก เท่าที่มีก็พอใจแล้ว (แค่นี้ก็สวยแล้ว....) แล้วก็แอบเปิดโปงถึงคนที่เคยเขียนถึงที่ว่า เคยไปดึงหน้าถึงหนังหัวจนเห็นเป็นร่องรอยเลือด ซึ่งเธอคนนั้น ก็คือ ...... ...............................

"....เฮ๊ย อย่าไปเขียนใน mblog นะ เดี๋ยวยายคนนี้ จะฟ้องเอานะ ยิ่งชอบฟ้องศาลอยู่ด้วย..."

.... 5555 เสียใจด้วยนะครับท่านผู้อ่าน พี่ฮอลล์ไม่ให้บอก อยากรู้ต้องไปถามพี่เค้าเอง....


เม้าไปเรื่อยๆ จนมาถึงเรื่องการเมือง พี่ฮอลล์ก็ว่า พี่ตุ้ย เอ็กเรย์ ที่เคยทำนายไว้ พี่ฮอลล์กะพี่ปุ้ย ไปถามอีกครั้ง พี่ตุ้ยบอกว่า ให้ติดตามดูไปอีกนิด เพราะยังไม่จบ... ได้ยินแบบนี้ ค่อยมีความหวังขึ้นมาอีกนิด :))))

พอขับรถมาจนใกล้จะถึงสถานี พี่ฮอลล์คงจะนึกออกว่า มีอีกคนนั่งมาด้วย เลยชวนคุย เรื่องประเด็นที่จะสัมภาษณ์ซะเลย คุณอำนาจ ที่ไม่ได้พูดมานาน เลยค่อยๆจ้ออย่างไหลรื่น นายบอนได้ยินแล้ว ก็หายห่วง ทีแรกว่าจะไปนั่งร่วมพูดคุยเป็นเพื่อนตอนออกรายการเพราะเขาบอกว่า รู้สึกเขินๆ ประหม่า แต่แบบนี้ ออกทีวี สัมภาษณ์คนเดียวไปเล้ย จะได้คุยได้เต็มที่..

พี่ฮอลล์ก็เม้าเรื่อง เสียงที่สูงที่สุดของผู้ชาย คือ เสียงที่ต่ำที่สุดของผู้หญิง และแนะนำเรื่องการพูดออกเสียง เพื่อให้เข้ากับไมค์ ให้ผู้ชมฟังรู้เรื่อง แล้วก็เม้า ดร.นรินทร์อีกรอบ ว่า พูดเสียงต่ำๆ เวลาคนโทรเข้ามาในรายการ บางคน ฟังไม่รู้เรื่องก็มี เลยต้องพูดซ้ำ พอดีพี่ฮอลล์ขับรถมาถึง ASTV จอดรถในที่จอดเรียบร้อย

นายบอนลงมาจากรถ ก็เจอน้องป๊อบ ทีมงานคนสำคัญของรายการ กำลัง "ผ่อนคลาย ผายลม = มีกลิ่น" ในแบบที่พี่ฮอลล์เคยทำนั่นแหละ แต่ไม่ได้ ตะโด๊ะ หรือ ตด นะจ๊ะ แหม....เค้าจะทำอะไรก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลของเค้าละกัน.... น้องป๊อปก็ออกมานั่งรับลม รอเข้าไปควบคุม การจัดรายการ



พี่ฮอลล์พาเดินเข้ามาในตึก แล้วไปที่ห้องแต่งตัว พี่ปุ้ยมานั่งรอก่อนตามเคย สงสัยจริงๆ พี่ปุ้ยมีเวลาอยู่บ้านวันละกี่นาที เอ๊ย กี่ชั่วโมงกันแน่ พี่ฮอลล์ก็เข้าประจำที่ แต่งหน้าทำผมทันที รวมทั้งคุณอำนาจ ก็นั่งเก้าอี้ ให้ช่างเสริมหล่อให้ในเวลาไม่นาน พอช่างหันมาเรียกให้นายบอนไปเสริมหล่อ แต่งหน้า นายบอนบอกสละสิทธิ์ ให้คุณอำนาจ ออกรายการไปคนเดียวดีกว่า เพราะหายเขินแล้วนี่นา






พี่ปุ้ยพอดูหน้าคุณอำนาจ ชัดๆ ก็บอกว่า รูปใบหน้าของคุณอำนาจเนี่ย ขึ้นกล้อง หน้าเรียวๆแคบๆเหมือนพี่ปุ้ย...
....แหม งั้น ก็ให้คนหน้าขึ้นกล้องออกทีวีด้วยกันซะเลย ปล่อยให้คนหน้าไม่ค่อยจะขึ้นกล้องนั่งชมดีกว่านะ



วันศุกร์ พี่ฮอลล์เอาเสื้อจากห้องเสื้อมารยาท ที่ตัวเองมีหุ้นส่วนมาให้พี่ปุ้ยใส่ซะเลย พอพี่ปุ้ยลองสวมเสื้อแล้ว เอามาดูในกระจก ดูท่าทางกรี๊ดชอบใจน่าดู เอ หรือกรี๊ดเพราะได้เสื้อฟรีล่ะเนี่ย

พอคุณอำนาจ แต่งหน้าเสร็จ ก็ขอเข้าห้องน้ำ แก้ประหม่า แล้วก็มานั่งคุยกับพี่ปุ้ย ซ้อมเปิดใจตอบคำถามไปพลางๆ



ความจริง นายบอนส่งหนังสือให้พี่ปุ้ย ตามที่อยู่ในนามบัตร แต่พี่ปุ้ยให้พี่ฮอลล์ไปอ่าน เนี่ย ในรูป พี่ปุ้ยพึ่งได้มานั่งอ่านหนังสือเล่มนี้
เคยเห็นท่าทางของดอกเตอร์อ่านหนังสือรึเปล่าครับ เนี่ย ดูซะ


เมื่อทีมงาน print script รายการมาให้ ทั้งพิธีกร และแขกรับเชิญก็พากันนั่งอ่านสคริปส์กันตอนนั้น เห็นเวลาในภาพมั้ยครับ ว่า เค้าอ่านสคริปส์ก่อนรายการจะออกอากาศเป็นเวลากี่นาทีเอ่ย... แหม สดจริงๆ



เมื่อรายการ สุดฟากสนาม A live ที่ออกอากาศก่อนหน้ารายการ only the lonely จบลง น้องป๊อป ทีมงานควบคุมรายการก็เข้ามาเรียกนายบอนให้ไปดูภาพถ่ายที่จะเอาลงในคอมพิวเตอร์ เพื่อประกอบการสัมภาษณ์ นายบอนก็ตามไปในห้องตัดต่อ โห พึ่งเคยเห็นของจริงก็วันนี้ น้องป๊อปก็เอาแผ่น CD ใส่ในคอม บางภาพก็เปิดไม่ออก เคยมีกรณีที่พี่วี แห่ง แกรมเมอร์แฮร์แคร์ เอาภาพมาเพื่อประกอบในรายการ แต่ภาพไม่ขึ้น เอาภาพในคอมแล้วคอมพิวเตอร์มันแฮง เลยกันไว้ก่อน

บางภาพก็เอาลงไม่ได้ เปิดไม่ได้ ก็เลือกเท่าที่ลงได้ แล้วตามด้วย คลิปวิดีโอ ภาพประกอบเพลง ให้น้องป๊อบใส่เข้าไปด้วย น้องป๊อบเปิดแล้ว ก็บ่นนิดๆ พี่เอามาจากไหนยังไงเนี่ย จาก PC ใช่มั้ย นายบอนเลยหรี่ตาดู เออ.... คอมพิวเตอร์ตรงหน้าเป็น แมคอินทอชนี่หว่า ไม่ใช่ windows ต้องมาแปลงไฟล์ให้เข้ากับแมคอินทอชอีกทีหนึ่ง แต่น้องป๊อปก็แปลงให้ดูสดๆ แป๊บเดียว โดย copy ไฟล์ .dat แปลงเป็น avi - mpg ...... หลายอย่าง ดูไม่ทันเหมือนกัน เดี๋ยวคงต้องติดต่อสอบถามอีกที ว่า ควรจะแปลงไฟล์เป็นนามสกุลอะไร format ไหนกันแน่ จะได้เตรียมมาให้ถูก น้องป๊อปและทีมงานจะได้สะดวก ใช้เวลาน้อยลง

พอมาถึงตอนจัดรายการสด ช่วงแรก จับเข่าเม้าข่าว หลังจากที่แนะนำแขกรับเชิญ และแจ้งว่า นายบอนมาให้กำลังใจ แล้วแซวต่อว่า คงไม่ให้ออกจอ เพราะนายบอนไม่หล่อพอ 555 คุณอำนาจ ก็เริ่มตื่นเต้น หยิบสคริปส์มานั่งดูคำถามอีกครั้ง เอ จะตอบ จะพูดยังไงดี นายบอนก็เออๆ ออๆ ไป ทำเป็นแนะนำไปเรื่อยเปื่อย เพราะรู้อยู่แล้วว่า ท่านพูดได้เรื่อยๆอยู่แล้ว พอมาถึงช่วงสัมภาษณ์ คุณอำนาจ ก็เข้าไปนั่งประจำที่ 3 2 1 ตอบคำถามอย่างไหลลื่น ทั้งเรื่องชีวิตส่วนตัว ผลงาน ความคิด มุมมองและ พิธีกร ยังจับประเด็นสำคัญได้หลายมุม ที่สำคัญ ให้คุณอำนาจ โชว์การอ่าน "ผญาคำสอนภาคอีสาน" จากภูมิปัญญาท้องถิ่น คุณยายเคน ปริพุฒ เป็นภาษาอีสาน ออกอากาศอีกด้วย

ขอยกมาบางส่วน ดังนี้

" เงินคำแก้ว หามาทางบ่ชอบ
แม่นสิก่อธาตุ หุ้มกวมไว้ก้อบ่พัง"

"ไผผู้ลืมคุณเฒ่า หากินกะลำบาก
ไผฟังความบักเพชรชะลำ พาเข้าป่าหนาม"

ในช่วงของการสัมภาษณ์ นายบอนได้ช่วยจัดทำ ภาพถ่ายประกอบเพลง เอ้ดอกคูณ (เพลงบรรเลงโปงลาง) ความยาว 1.30 นาที มาเปิดประกอบในรายการ ซึ่งมีภาพถิ่นฐานบ้านเกิด ครอบครัวของเขาได้ออกอากาศด้วย






พอพี่ปุ้ย ได้ยินเพลง เอ้โปงลาง ท่านพี่ก็ร้องอ๋อ คุ้นเคย เพราะบางมดมีชมรมดนตรีอีสาน แหม ไม่น่าเชื่อ พี่ปุ้ยก็ชอบฟังดนตรีอีสานเหมือนกัน แหม หน่าตาไม่ค่อยจะให้เลยนะเนี่ย...

สัมภาษณ์ไปจนจบรายการ ไม่มีโทรศัพท์เข้ามาพูดคุยด้วยเลย พี่ฮอลล์บอกว่าถ้าวันไหน จัดประเด็นที่ไม่เคยจัดมาก่อน ผู้ชมจะตั้งใจฟังอย่างเดียว แต่คืนนี้ มีแต่ SMS จาก คุณพัท กทม บอกว่า วันนี้ พี่ฮอลล์สวยมาก ขอให้พี่ฮอลล์สวยอย่างนี้ตลอดไป ดังในภาพ



พี่ฮอลล์นั่งสัมภาษณ์คุณอำนาจ ไป เหลือบมาเห็น แต่ก็ไม่กล้าอ่าน กลัวจะลอยไปติดเพดาน พี่ปุ้ยเลยได้จังหวะ แซวซะเลย พี่ฮอลล์เขินนิดๆ เพราะนี่คงเป็นครั้งแรกมั้งที่มีคนบอกว่า ตั้งแต่จัดรายการมา วันนี้พี่ฮอลล์สวยที่สุด น้องป๊อปเลยร่วมแซวผ่านมาทางหูฟังพี่ฮอลล์ พี่ปุ้ยอีกด้วย 5555

แป๊บ เดียว จบรายการ แต่คุณอำนาจ ยังพูดไม่หมดอย่างที่ใจอยากจะพูด แต่เท่าที่ได้พูดในรายการนั้น ก็พูดได้ดีอย่างสุดๆแล้วครับ เอกสารที่เตรียมมาด้วยมากมาย ไม่ได้หยิบจับขึ้นมาโชว์เลย แต่สุดท้ายก็หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นที่คุณอำนาจ มีส่วนในการเขียนคอลัมภ์มอบให้พี่ฮอลล์แทน

หลังการออกรายการ พิธีกรทั้ง 2 ประทับใจกับคุณอำนาจ แสงสุขอย่างมาก เตรียมกล้องมาขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก และขอหนังสือ ก่อร่าง สร้างฝันที่หนองสรวงไว้อีกด้วย ซึ่งคุณอำนาจ ได้แจกลายเซ็นต์ให้ทันที

กล้องของพี่ฮอลล์ เก๋าสุดๆ




พี่ฮอลล์ดูจะปลื้มใจมากมายกับทรงผมในคืนนี้ เลยกรี๊ดกร๊าด ให้พี่ปุ้ยถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก แหม พี่ฮอลล์ชักเสียดายทรงผมคืนนี้ จัง อยากไปโชว์ให้หลายนคนได้ยลความงามของพี่ฮอลล์มั่ง แต่เสียดายจริงๆ ดันเป็นเวลาเที่ยงคืน







หลังจากเก็บข้าวของเสร็จแล้ว ลงมาที่ลานจอดรถ ไหว้ลาพี่ปุ้ย พี่ปุ้ยบอก แล้วศุกร์หน้าเจอกัน.. นายบอนรีบบอก แขกที่ว่าจะเชิญมา ศุกร์หน้า ไม่ว่างนะครับ คงเป็นศุกร์ต่อไป.... พี่ฮอลล์ก็ขับรถมาส่งที่หมอชิตอีกตามเคย ระหว่างทาง พี่ฮอลล์ก็เปิดใจว่า พี่ก็เป็นคนต่างจังหวัด อยากทำอะไรเพื่อบ้านเกิดบ้าง แต่ติดที่เป็นคนในตัวเมือง เลยทำอะไรไม่ได้มาก แล้วก็เม้าอีกหลายประเด็น จนขับรถมาส่งที่หมอชิต 2 หนุ่มจึงลงจากรถ ไหว้สวัสดีอย่างสวยงาม เดินเข้า หมอชิตไป

ซื้อตั๋ว ขึ้นรถออกจากหมอชิต ตอน 1.40 น. ปรากฏว่า เป็นรถคันเดิม คันที่นั่งมาตอนบ่าย เพราะจำหน้าคนขับได้ ขึ้นมานั่งบนรถ คุณอำนาจ ยังตื่นเต้นไม่หาย ประทับใจต่อสิ่งที่พึ่งจะเกิดขึ้นมาสดๆร้อนๆ เหมือนฝันไปจริงๆ พูดไม่หยุด ..... อยากพูด อยากตอบคำถามที่ยังไม่ได้ตอบอีกมากมาย นายบอนเลยแนะนำไปว่า ถ้ามีเวลา ก็เอาคำถามในสคริปส์รายการที่ได้ เอาไปเขียนใน บล็อกไปเลย ประมาณว่า ถ้ามีเวลาทั้งวัน อยากจะตอบคำถามนี้ยังไง มากแต่ไหน ก็เขียนลงไปเลย หรือถ้าไม่ค่อยมีเวลาเข้า internet จะเขียนลงในสมุดอย่างที่เขียนเป็นประจำ แล้วเขียนเพิ่มเติมประเด็น ทำเป็นหนังสือทำมือเล่มที่ 2 ก่อร่าง สร้างฝัน เล่มที่ 2 อีกก็ยังได้

พูดสักพัก เขาก็พยายามหลับ แต่หลับไม่ค่อยลง อยากจะพูดคุยต่อ นายบอนก็ฟังสักพัก แล้วทำท่าหลับ เพราะอยากให้คุณอำนาจ หลับ เนื่องจาก พรุ่งนี้ เช้า เขาจะต้องเข้าทำงานที่โรงงานในตอน 2 โมงเช้า พอนายบอนเงียบไป เขาก็พยายามข่มตาหลับจนได้

ตี 4.45 น. รถแล่นมาถึง บขส.โคราช เขาไปเอารถมอเตอร์ไซต์ ตั้งใจจะพานายบอนไปทานอาหารเช้า เป็นข้าวต้มร้อนๆที่โรงแรมมีระดับแห่งหนึ่งในเมืองโคราช ขับรถฝ่าลมหนาว จนหูนายบอนชาไปหมด ไปถึงโรงแรม ยังมืดสนิท คุณอำนาจ ก็เดินดุ่มๆเข้าปถามที่เคาเตอร์โรงแรม เอาบัตรรับประทานอาหารที่บริษัทให้ ยื่นให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งดูบัตรที่เป็นภาษาอังกฤษแล้วก็แจ้งว่า เป็นบัตรรับประทานอาหารห้องอาหารจีน ในตอนเย็นนะครับ ดังนั้น ท่านจะต้องมาในช่วงเย็นๆ จะมาวันไหน สามารถโทรมาแจ้งก่อนได้นะครับ

คุณอำนาจ เลยขับมอเตอร์ไซต์พานายบอนมากินก๋วยเตี๋ยวที่ บขส.ใหม่โคราช
ท่าทางเขายังไม่หายตื่นเต้นจากการออกรายการเมื่อคืนที่ผ่านมา นายบอนเลยจัดการถ่ายคลิปวิดีโอ ตอนตี 5.10 น. ในสิ่งที่เขาอยากพูดหลังจากออกรายการ Only The lonely เมื่อ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา เขาจึงพูดในสิ่งที่เขาอยากจะพูดกับพี่ปุ้ยและพี่ฮอลล์ หลังจากทานก๋วยเตี๋ยวเสร็จ เขาก็ขอตัวกลับบ้าน ไปอาบน้ำเตรียมออกไปทำงาน... ส่วนนายบอนก็ซื้อตั๋วขึ้นรถไปลงขอนแก่น....

ปิดท้ายบันทึกนี้ ด้วยคลิปวิดีโอที่คุณอำนาจ พูดเปิดใจถึงพี่ปุ้ย พี่ฮอลล์ และรายการ Only the lonely แบบสดๆในตอนนั้น ทั้งๆที่ง่วงๆ เพลียๆเต็มที
เป็นครั้งแรกของรายการเลยกระมังครับ ที่มีคลิปของแขกรับเชิญพูดถึงรายการหลังจบรายการไปแล้ว......



Read More......

Saturday, January 26, 2008

สคริปท์เกือบสมบูรณ์ วันศุกร์ 25 มค.51



Only The Lonely

วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2551

---------------เปิดรายการ---------------

  • ไตเติ้ลรายการ
  • พิธีกรทักทายผู้ชมทางบ้าน

สวัสดีค่ะ พบกับรายการ Only The Lonely ทุกคืน ห้าทุ่มถึงเที่ยงคืนครึ่ง จันทร์ - ศุกร์ ที่สถานีโทรทัศน์ ASTV 3 แฮปปี้ วาไรตี้ แชนนัล

พบกับพวกเรา ดิฉัน จรินยา ศักดิ์ศิริ ค่ะ

กุลธิดา ธรรมวิภัชน์ ค่ะ

เราจะมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์พูดคุยกัน ในเรื่องราวความรักความสัมพันธ์ ไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดวัย พร้อมกับรับสายสดจากทางบ้าน ในช่วง Lonely Talk

วันนี้เป็นวันศุกร์สบายวาไรตี้ ซึ่งเราจัดให้เป็นวันสบาย ๆ เรื่องราวที่เลือกมาฝากก็เรื่องสบาย ๆ ประมาณชวนกิน ชวนเที่ยว

ซึ่งช่วง โลนลี่ ทอล์ค เราจะสนทนากับคุณอำนาจ แสงสุข ผู้ชายคนนี้มีความรักค่ะ แต่ความรักของเขาคือประเด็นที่เราจะคุยกันในคืนนี้ “ ด้วยรักและผูกพัน(ต่อถิ่นฐานบ้านเกิด) ”

ส่วน VTR เราก็ไปสอบถามนานานาทัศนะในหัวข้อนี้เช่นเดียวกันค่ะว่า

“ คุณมีความรักและความผูกพันต่อถิ่นฐานบ้านเกิดมากน้อยแค่ไหน อย่างไร ”

โทรเข้ามานะคะ พิเศษสุด แกลมเมอร์ แฮร์แคร์ สนับสนุนผลิตภัณฑ์ผมจากสหรัฐอเมริกา แบรนด์ BEDHEAD ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมสำหรับคนรุ่นใหม่ วัยมันส์บังคับทิศทางเส้นผมได้ตามใจปรารถนา หาซื้อได้ที่ห้างเซ็นทรัล แผนกเครื่องประดับตกแต่งสตรีทุกสาขา และแบรนด์ CATWALK ผลิตภัณฑ์ผมสำหรับหนุ่มสาวแฟชั่นทันสมัย เบาสะอาด จัดแต่งทรงผมได้ในพริบตา หาซื้อได้ที่ ร้านบูท ทุกสาขา

มอบ กิฟท์ เวาเชอร์ มูลค่า 200 บาท สำหรับไปสระซอยผม และมูลค่า 500 บาท สำหรับไปดัดยืดทำสีผม ให้กับคุณผู้ชม Only the Lonely ที่โทรเข้ามา เลือกได้ตามใจเลยค่ะ....

(หมายเหตุ... ราคาสระซอยผม 300 บาท คนได้รางวัลจะเสียเงินแค่ 100 บาท / ส่วน ดัดยืดทำสีผม เขาคิดราคา 1,000 – 2,000 ตามสภาพผมความยาว ความหนา ก็จะได้ลด 500 บาทค่ะ...)

ตอนนี้ขอไปจับเข่าเมาท์ข่าวค่ะ

ข่าวที่ 1/ช่วยกันอ่าน

ผัวเมียทะเลาะกันดีต่อสุขภาพ
นสพ.มติชน
ผลการศึกษาของอาจารย์จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ที่นำออกเผยแพร่ในวารสารจอร์นอล ออฟ แฟมิลี คอมมิวนิเคชั่น ฉบับล่าสุด ระบุว่า การทะเลาะวิวาทกันระหว่างคู่สามีภรรยาหรือคู่รักแท้ที่จริงแล้วเป็นเรื่องที ่ดีกับสุขภาพ ทั้งนี้ จากการติดตามข้อมูลของคู่สามีภรรยา 192 คู่ ตลอด 17 ปีที่ผ่านมา พบว่าคู่สามีภรรยาหรือคู่รักที่เก็บความรู้สึกไว้เงียบๆ และไม่กล้าพูดกันอย่างตรงไปตรงมา มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตสูงกว่าสามีภรรยาหรือคู่รักที่กล้าพูดกันตรงๆ และทะเลาะกันประจำสูงถึง 2 เท่า ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่าเมื่อเกิดการทะเลาะคู่สมรสจะแก้ปัญหาร่วมกันอย่าง ไร

ผลการศึกษาครั้งนี้สอดคล้องกับผลการศึกษาก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า ความเก็บกดที่เกิดจากการไม่กล้าแสดงอารมณ์โกรธนำไปสู่โรคต่างๆ ที่มีบ่อเกิดจากความเครียด เช่น โรคหัวใจและความดันโลหิตสูง อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาครั้งนี้ยังเป็นเพียงการสำรวจเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้เป็นผลสรุปของคู่สมรสทั้งหมด ทั้งนี้ การศึกษาของมหาวิทยาลัยมิชิแกนมีขึ้นในเมืองเล็กๆ ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นครอบครัวชนชั้นกลาง โดยส่วนภรรยาส่วนใหญ่เป็นแม่บ้านและมีแนวคิดอนุรักษนิยมในเรื่องความเท่าเที ยมทางเพศ

จาก Link

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01for03250151&day=2008-01-25&sectionid=0104

---------------------------------------------

ข่าวที่ 2/ช่วยกันอ่าน

5 เทรนด์กินดีมีสุขภาพ

นสพ.โพสต์ทูเดย์
เดี๋ยวนี้หันมองไปทางไหนก็มีแต่เรื่องของสุขภาพ ที่กลายเป็นเทรนด์ฮิตมาร่วมทศวรรษแล้วก็ยังไม่ตกกระป๋อง แม้กระทั่งคนฝั่งอเมริกา ซึ่งเป็นเจ้าตำรับของฟาสต์ฟู้ดอันขึ้นชื่อนักหนาว่าเป็นตัวการก่อให้เกิดอนุ มูลอิสระ กินแล้วจะอ้วน เสียสุขภาพ ฯลฯ ก็ยังหันมาเกาะเทรนด์ใหม่ หันหลังให้อาหารบั่นทอนสุขภาพทั้งหลาย พื้นที่ของความนิยมในแนวทางอาหารต่างๆ จึงกว้างมากขึ้น อาหารสุขภาพหลายอย่างสอดแทรกเข้ามาเป็นแนวทางให้ทดลองรับประทานกันมากมาย เทรนด์อาหารที่ทั้งอร่อย ไม่สุดโต่งเกินไป หารับประทานง่าย และจัดได้ด้วยตัวเอง แนวทางทั้ง 5 ได้รับความนิยมสูง มีดังนี้

1. กึ่งมังสวิรัติ

นอกจากวิตามินและไฟเบอร์จากผัก ผลไม้ และธัญพืชต่างๆ แล้ว แนวทาง “กึ่งมังสวิรัติ” (Flexitarianism) ยังอนุโลมให้รับประทานเนื้อสัตว์ที่ไร้มัน ปลา ไก่ รวมทั้งผลิตภัณฑ์นมเนยพร่องไขมันอีกด้วย เมื่อมิได้รับประทานแต่ผัก ผลไม้เพียวๆ แนวทาง “กึ่งมังสวิรัติ” จึงเป็นที่นิยมมาก อย่างน้อยก็ดับอาการอยากรับประทานเนื้อสำหรับคนที่ไม่เคยรับประทานมังสวิรัต ิมาก่อนได้ โดยแนวทางคือ ให้งดรับประทานเนื้อสัตว์ใดๆ อย่างน้อย 4 วันต่อสัปดาห์

แนวคิดนี้เริ่มที่อเมริกา ซึ่งมาจากความต้องการหลีกเลี่ยงไขมัน หันมารับประทานอาหารที่มีกากใยสูง คำตอบที่ได้ก็คือ อาหารมังสวิรัติ ทว่านักโภชนาการหลายคนก็ยังเชื่อว่าเป็นวิถีที่ค่อนข้างสุดโต่งเกินไป รวมทั้งเกรงว่าจะได้รับโปรตีนไม่ครบประเภทที่ร่างกายต้องการ แนวทาง “กึ่งมังสวิรัติ” จึงเกิดขึ้นมา เพื่อที่ให้ผู้ปฏิบัติตามได้มีทางเลือกรับประทานเนื้อสัตว์ได้ด้วย

ผลสำรวจผู้ที่เข้าโปรแกรมรับประทานแบบ “กึ่งมังสวิรัติ” พบว่า นอกจากน้ำหนักจะลดลงแล้ว ความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ก็จะลดลงด้วย (ผลวิจัยทำนาน 19 ปี โดยมหาวิทยาลัยทูเลน ในนิวออร์ลีนส์)

2. อาหารออร์แกนิก

นับว่าเป็นเทรนด์อาหารที่ “โตเร็ว” ที่สุดในตลาดก็ว่าได้ อาจด้วยเพราะภาพลักษณ์ของ “อาหารออร์แกนิก” (Organic Food) นั้นดูสุขภาพจ๋า... จริงๆ อาหารชนิดนี้แปลเป็นไทยว่า อาหารเกษตรอินทรีย์ ซึ่งผลิตภัณฑ์ประเภทนี้มาจากระบบเกษตรกรรมที่เน้นความสำคัญต่อการอนุรักษ์ฟื ้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของดิน การรักษาแหล่งน้ำให้สะอาด กระบวนการผลิตเป็นไปโดยอาศัยหลักการระบบนิเวศ เสริมสร้าง ผสมผสานและเกื้อกูลกัน คำนึงถึงวงจรชีวิตในระบบนิเวศ ไม่ใช้ปัจจัยการผลิตที่เป็นสารเคมีสังเคราะห์ทุกชนิดที่จะทำลายความสมดุลของ นิเวศการเกษตรและกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ ยังมีผลวิจัยเกี่ยวกับ “อาหารออร์แกนิก” ออกมามากมาย ซึ่งก็น่าจะสืบเนื่องมาจากความนิยมที่พุ่งพรวดนั่นแหละ โดยพบว่าอาหารประเภทนี้มีวิตามินสูงกว่าอาหารทั่วๆ ไป อย่างเช่น ผลวิจัยที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ได้ความว่า “อาหารออร์แกนิก” มีวิตามินซีสูงกว่าอาหารทั่วไปถึง 27 เปอร์เซ็นต์ มีธาตุเหล็กสูงกว่า 21 เปอร์เซ็นต์ และมีสารแมงกานีสสูงกว่าถึง 29 เปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ตาม ต้องตั้งข้อสังเกตไว้สำหรับคนที่ต้องหลีกเลี่ยงไขมัน เพราะมิอาจการันตีได้ว่า “อาหารออร์แกนิก” จะปราศจากสิ่งที่บั่นทอนสุขภาพ 100 เปอร์เซ็นต์ เพียงแต่มีคุณค่าทางอาหารและกากใยมากกว่าอาหารทั่วไปเท่านั้นเอง

3. อาหารเสริมคุณค่า

กลุ่มคนที่เคร่งเครียดจัดๆ เรื่องคุณค่าทางอาหาร อาจจะรู้สึกบ่อยๆ ว่า ร่างกายของตัวเองขาดสารนู่นสารนี่ไปเรื่อย “อาหารเสริมคุณค่า” (Functional Foods) จึงเกิดขึ้นมาตอบสนองเทรนด์ความนิยมนี้ ไม่ว่าจะเป็นนมแคลเซียมสูง ไข่ไก่ใส่โอเมกา 3 น้ำส้มเสริมวิตามินเอและซี แป้งเสริมโปรตีน ฯลฯ

“อาหารเสริมคุณค่า” อาจมีส่วนช่วยเติมเต็มคุณค่าทางอาหารที่ขาดไปของหลายๆ คน ยกตัวอย่าง คนที่รับประทานนมไม่ได้ อาจเนื่องจากอาการแพ้ อาจจะเลือกรับประทานไข่ไก่เสริมแคลเซียมทดแทนได้ เช่นเดียวกับคนแพ้อาหารทะเล ก็มีไข่หรือขนมปังเสริมโอเมกา 3 เป็นทางเลือก แนวทาง “อาหารเสริมคุณค่า” ยังช่วยให้แต่ละคนที่ปฏิบัติตาม สามารถสร้างสมดุลในมื้ออาหารได้ โดยที่พฤติกรรมในการบริโภคแต่ละวันไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงใดๆ

4. สโลว์ฟู้ด

ถ้าเราเรียกอาหารฟาสต์ฟู้ดว่าอาหารรับประทานด่วน สโลว์ฟู้ดก็คือแนวทางตรงกันข้าม นั่นก็คือค่อยๆ ปรุง ค่อยๆ รับประทาน ซึ่งก็เกิดขึ้นมาจากการต่อต้านอาหารฟาสต์ฟู้ดนั่นแหละ

เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว การ์โล เปตรินี เจ้าของภัตตาคารแห่งหนึ่งในอิตาลีเป็นเจ้าของแนวคิดนี้ โดยการโปรโมตอาหารแนวเมดิเตอร์เรเนียนที่ดีต่อสุขภาพมากๆ และให้คนเราค่อยๆ นั่งลง ละเลียดกิน พินิจอาหารที่ดูออกมาว่าวัตถุดิบที่นำมาปรุงเป็นแต่ละจานนั้น ทำจากอะไรบ้าง แต่ที่เน้นหนักก็คือ ชีวิตของเราไม่ควรจะเร่งรีบเกินไป โดยเฉพาะเรื่องของการรับประทานอาหาร

สำหรับ “สโลว์ฟู้ด” (Slow Food) นั้นค่อนข้างจะเกี่ยวโยงกับแนวทาง “ฟาร์มท้องถิ่น” อยู่ไม่น้อย เนื่องเพราะเป็นแนวทางที่ต้องการวัตถุดิบในการปรุงที่สดใหม่ เพื่อให้ได้คุณค่าทางอาหารสูงสุด นอกจากนี้ “สโลว์ฟู้ด” ยังเน้นแนวคิดในเรื่องอารมณ์ความรู้สึก โดยเฉพาะเมื่อเป็นแนวทางที่เกิดจากประเทศอิตาลี ที่ถือความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นหลัก

จาก “ฟาร์มท้องถิ่น” ผู้ปรุงคัดสรรค์วัตถุดิบที่ดีและสดใหม่ที่สุด แล้วปรุงรับประทานแบบ “สโลว์ฟู้ด” พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นวิถีที่มนุษย์ควรจะปฏิบัติกัน มิใช่คว้าพิซซา 1 ถาด มานั่งรับประทานหน้าทีวีเช่นชีวิตคนส่วนใหญ่ในยุคนี้

5. ผักสวนครัวรั้วกินได้

ผัก-ผลไม้สดกลายเป็นที่ต้องการมากขึ้นในยุคนี้ และเนื่องด้วยการผลิตผัก-ผลไม้ในอุตสาหกรรมมักจะปนเปื้อนสารเคมี คนทุกวันนี้จึงเริ่มหันมาทำสวนเล็กๆ เองที่บ้าน หลายๆ แห่งถึงขนาดรวมกลุ่มกันทำเป็นชุมชนปลูกผัก-ผลไม้รับประทานเอง ซึ่งทำให้สามารถควบคุมผลผลิตที่สดใหม่ไร้สารเคมีที่แปลกปลอมได้

แนวคิด “ฟาร์มท้องถิ่น” (Locally Grown Foods) เป็นรูปเป็นร่างขึ้นในหลายๆ แห่ง บ้างเป็นการรวมกลุ่มกันเองหลวมๆ สบายๆ บ้างก็จริงจังถึงขั้นตั้งเป็นสหกรณ์ โดยนอกเหนือจากผัก-ผลไม้แล้ว ยังเริ่มที่การทำปศุสัตว์ เอาเนื้อและนมโค รวมทั้งสัตว์ที่สามารถปรุงเป็นอาหารอื่นๆ ไปจนถึงการเลี้ยงผึ้งเพื่อเอาน้ำผึ้งเลยทีเดียว

การทำ “ฟาร์มท้องถิ่น” ทำให้เป็นที่แน่ใจได้ชัวร์ๆ เลยว่า จะได้ผัก-ผลไม้ที่สดใหม่ เช่นเดียวกับเนื้อสัตว์และผลิตผลต่างๆ ที่ไม่ผ่านกระบวนการผลิตที่มีสารแปลกปลอมใดๆ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเต็มไปด้วยคุณค่าอาหารและวิตามินที่พึงมีอย่างครบถ้วน เห็นมั้ยล่ะ การเลือกรับประทานดีๆ ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป และยังไม่สายถ้าจะเริ่มในวันนี้

จาก Link

http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=magazine&id=216872

--------------------------------------------

ช่วงที่ 2

ประเด็น

หัวข้อ “ ด้วยรักและผูกพัน (ต่อถิ่นฐานบ้านเกิด) ”

- เข้าสู่ช่วงที่ 2 ของรายการ โทร เข้ามาซักถามนะคะ คุณอาจเป็นผู้โชคดีได้รับของรางวัลพิเศษสุด แกลมเมอร์ แฮร์แคร์ สนับสนุนผลิตภัณฑ์ผมจากสหรัฐอเมริกา แบรนด์ BEDHEAD ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมสำหรับคนรุ่นใหม่ วัยมันส์บังคับทิศทางเส้นผมได้ตามใจปรารถนา หาซื้อได้ที่ห้างเซ็นทรัล แผนกเครื่องประดับตกแต่งสตรีทุกสาขา และแบรนด์ CATWALK ผลิตภัณฑ์ผมสำหรับหนุ่มสาวแฟชั่นทันสมัย เบาสะอาด จัดแต่งทรงผมได้ในพริบตา หาซื้อได้ที่ ร้านบูท ทุกสาขา

มอบ กิฟท์ เวาเชอร์ มูลค่า 200 บาท สำหรับไปสระซอยผม และมูลค่า 500 บาท สำหรับไปดัดยืดทำสีผม ให้กับคุณผู้ชม Only the Lonely ที่โทรเข้ามา เลือกได้ตามใจเลยค่ะ....

พบกับ VTR หัวข้อ “ คุณมีความรักและความผูกพันต่อถิ่นฐานบ้านเกิดมากน้อยแค่ไหน อย่างไร ”

สรุปประเด็นใน VTR

  • ช่วง โลนลี่ ทอล์ค เราจะสนทนาในเรื่อง ด้วยรักและผูกพัน(ต่อถิ่นฐานบ้านเกิด) โดยแขกรับเชิญวันนี้ คือ คุณอำนาจ แสงสุขสวัสดีและยินดีต้อนรับเข้าสู่รายการค่ะ
  • เป็นคนที่ไหน เรียนจบด้านใด
  • มาจากครอบครัวที่มีอาชีพอะไร ลักษณะการเลี้ยงดูเป็นแบบไหน
  • และตอนนี้ทำงานอะไรอยู่
  • ทำไมถึงรักบ้านเกิด มากๆๆ ทั้งที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นน้อยนิด
  • แ นวคิดรักบ้านเกิดได้แสดงออกผ่านการทำงานเชิงสังคมมากมายหลายแนวทาง อยากให้เล่าให้ฟังค่ะ (ชมรมอาสาพัฒนาท้องถิ่นกาฬสินธุ์ กุล่มรักษ์ไผ่สีทอง ชมรมเครือข่ายการเรียนรู้พัฒนา จุลสารคนรักท้องถิ่น ศึกษาวิจัยพื้นที่บ้านเกิด เว็บไซด์ บันทึกลำนำคำคมคนท้องถิ่น และหนังสือทำมือที่ร่วมกับนายบอน)
  • ช่วงหน้า เราจะมาเจาะชีวิตการทำงานเพื่อบ้านเกิดและชีวิตรักของเขาด้วย อย่าพลาดชมนะคะ

-----------------------------------

ช่วงที่ 3

ประเด็น

หัวข้อ “ ด้วยรักและผูกพัน(ต่อถิ่นฐานบ้านเกิด) ”

  • กลับเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของรายการ

โทร เข้ามาพูดคุยนะคะ คุณอาจเป็นผู้โชคดีได้รับของรางวัลจาก

แกลมเมอร์ แฮร์แคร์ สนับสนุนผลิตภัณฑ์ผมจากสหรัฐอเมริกา แบรนด์ BEDHEAD ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมสำหรับคนรุ่นใหม่ วัยมันส์บังคับทิศทางเส้นผมได้ตามใจปรารถนา หาซื้อได้ที่ห้างเซ็นทรัล แผนกเครื่องประดับตกแต่งสตรีทุกสาขา และแบรนด์ CATWALK ผลิตภัณฑ์ผมสำหรับหนุ่มสาวแฟชั่นทันสมัย เบาสะอาด จัดแต่งทรงผมได้ในพริบตา หาซื้อได้ที่ ร้านบูท ทุกสาขา

พร้อมกันนี้ แกลมเมอร์ แฮร์แคร์ ลาดพร้าว 101 มอบ กิฟท์ เวาเชอร์ มูลค่า 200 บาท สำหรับไปสระซอยผม และมูลค่า 500 บาท สำหรับไปดัดยืดทำสีผม ให้กับคุณผู้ชม Only the Lonely ที่โทรเข้ามา เลือกได้ตามใจเลยค่ะ....

  • มาคุยในประเด็นกันต่อ ด้วยรักและผูกพัน(ต่อถิ่นฐานบ้านเกิด)

ในช่วง โลนลี่ ทอล์คกับคุณอำนาจ แสงสุข

  • เรียกสายสด จากทางบ้าน
  • ทำงานเพื่อบ้านเกิดมากมายขนาดนี้ สถานภาพส่วนตัวเป็นอย่างไร
  • ทราบมาว่าแต่งงานกับสาวโคราช (แถมเธอยังอายุมากกว่าซะด้วย) ปิ๊งกันยังไง
  • ทำไมถึงรักเดียวใจเดียวได้ขนาดนี้ (มีคนใกล้ชิดแอบอิจฉาและฝากมาถามค่ะ)
  • ครอบครัวเข้าใจงานเชิงสังคมของเรามั้ย
  • เหตุใดยังคงรักษาอุดมการณ์การทำงานเชิงสังคมเพื่อพัฒนาบ้านเกิด ท้องถิ่นได้อย่างมั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลง

สรุปจบ : ขอบคุณ คุณผู้ชมทุกท่าน ขอบคุณทุกสาย และทุก SMS

ขอบคุณ แกลมเมอร์ แฮร์แคร์ ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม BEDHEAD (เบดเฮด) ที่เซ็นทรัลทุสาขาและ CATWALK (แคทวอร์ค) ที่ บูทสโตร์ ยินดีให้คำปรึกษาการดูแลรักษาเส้นผมที่ Call Center 02-731-2011 ตลอด 24 ชั่วโมง

พบกับ Only The Lonely ได้ใหม่ในวันจันทร์หน้าเวลา 5 ทุ่มถึงเที่ยงคืนครึ่ง ยังคงนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความรักความสัมพันธ์ แบบไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดวัยเหมือนเดิมค่ะ สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ


****

ข้อมูลของแขกรับเชิญ
- นายอำนาจ แสงสุข อายุน้อยกว่าพี่ปุ้ย 4 ปี
- จากบ้านเกิดมาตั้งแต่เด็กๆ แต่กลับรักถิ่นฐานบ้านเกิดมากกว่าคนที่เติบโตในถิ่นฐานบ้านเกิด เคยทำงานเป็นนักประชาสัมพันธ์ นักข่าวท้องถิ่นที่อยุธยา เป็นพนักงานโรงแรม พนักงานโรงงาน และธุรกิจส่วนตัวบนแนวคิดความพอเพียง
- จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ด้วยความที่เป็นนักคิด นักเขียนในแบบของตนเอง จึงมีแนวคิดที่น่าสนใจเชิงปรัชญา โดยเขียนบันทึก ลำนำคำคมคนท้องถิ่น และมีแนวคิดในเรื่องปรัชญาความรัก การครองเรือนที่น่าสนใจไม่น้อย
ผลงานที่น่าสนใจในแบบเฉพาะตัวของเขา
อันนี้คือ รายละเอียดคร่าวๆจากในหนังสือทำมือ..
1.ก่อตั้งชมรมอาสาพัฒนาท้องถิ่นที่กาฬสินธุ์ รวบรวมกลุ่มลูกหลานที่แยกย้ายไปทำงาน + เรียนที่ต่างๆ ปลุกสกนึกรักษ์บ้านเกิด
2.ทำการศึกษาวิจัยสภาพพื้นที่บ้านเกิด เปรียบเทียบจุดอ่อนของท้องถิ่นบ้านเกิดตัวเองกับพื้นที่อื่นที่เจริญกว่า แล้วมอบให้ อบต.เก็บใส่ตู้ไว้ !!!
3.รวมตัวตั้งกลุ่มรักษ์ไผ่สีทองเกษตรแบบพอเพียงและสัจจะออมทรัพย์เพื่อการผลิต ที่โคราชจนถูกนักการเมืองเขม่น ในที่สุดต้องล้มเลิกไป
4.จัดทำบทเรียนจากชุมชน เรื่องการศึกษาเชิงกลยุทธที่ ต.โตนด โคราช
5.จัดตั้งชมรมเครือข่ายการเรียนรู้เพื่อการพัฒนา
6.เขียนบันทึกลำนำคำคมคนท้องถิ่น
7.ทดลองจัดทำจุลสารคนรักท้องถิ่น
8.เป็นที่ปรึกษาชุมชน ให้คำแนะนำจดแจ้งภูมิปัญญาท้องถิ่นกับกลุ่มอาชีพต่างๆในชุมชนที่ตนอยู่อาศัย ก่อนที่ชาวต่างชาติจะแอบมาจดสิทธิบัตรไปก่อน
9.ริเริ่มต้นทำกองทุนศิษย์เก่าเพื่อน้อง มอบจักรยานเพื่อน้องที่ขาดแคลนในท้องถิ่นบ้านเกิด
10.ริเริ่มแนวคิดจัดทำเวบไซต์ของบ้านเกิด แม้จะล้มลุกคลุกคลานไปบ้าง
11.มีข้อเสนอ + แนวความคิดดีๆ เพื่อพัฒนาท้องถิ่นบ้านเกิดหลายโครงการ รอนักการเมืองท้องถิ่นที่เห็นคุณค่านำไปใช้
....ว่าแต่ จะเหมาะกับการเป็นแขกรับเชิญในรายการ only the lonely รึเปล่าเนี่ย...
.... แต่ก็มีประเด็นให้เลือกหยิบมาสัมภาษณ์ได้พอสมควร รวมถึงเรื่องความรักความสัมพันธ์
เค้ารักและผูกพันกับถิ่นฐานบ้านเกิดขนาดนี้ แล้วความรักต่อครอบครัว ภรรยาและลูกของเค้าล่ะ จะขนาดไหน...

แต่คนที่รู้จัก และเคยอ่านหนังสือของเค้า อยากให้ถามคำถามเหล่านี้มากกว่า

1. ชีวิตผ่านอะไรมาตั้งเยอะ ทำไมถึงเลือกแต่งงานกับสาวโคราช แถมอายุมากกว่าอีก

2. ใช้ชีวิตยังไง ถึงไม่เสียคน หลงในอบายมุข

3. ทำยังไงถึงได้รักเดียวใจเดียว มั่นคงถึงขนาดนี้

4. ทำไมถึงรักบ้านเกิดมากนัก ทั้งๆที่ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิด (กาฬสินธุ์) น้อยมากๆ

5. ทำไมถึงรักษาจุดยืน อุดมการณ์เพื่อสังคมได้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่หลายคน เปลี่ยนใจไปแล้ว


Read More......

Thursday, January 24, 2008

บันทึกของครูน้อย "การปรากฏตัวในรายการ Only the lonely"


บันทึกจากครูน้อย ศศิพร ฝากมาเผยแพร่ใน mblog ครับ เธอเขียนกำกับมาว่า ห้ามนายบอนตัดทอนข้อความใดๆ ไม่งั้นจะไม่เขียนมาให้เผยแพร่อีก...
... เชิญอ่านเลยครับ




+ + + + + + + + +






"การปรากฏตัวในรายการ Only the lonely"





เวลาผ่านไปรวดเร็วอย่างใจหาย เหลือเวลาเดือนกว่าๆเท่านั้น ที่ฉันจะอยู่ในอาชีพครู คิดดูแล้วฉันอยากจะร้องไห้ แต่ฉันไม่มีน้ำตาสำหรับอดีตที่กำลังจะผ่านพ้นไป เพราะฉันภูมิใจในความเป็นครูของฉันเอง...









เมื่อต้นเดือนก่อน นายบอนพยายามชักชวนฉันให้ไปออกรายการ Only the lonely ฉันได้ยินแล้วรู้สึกขำ เพราะเค้าจะให้ฉันออกรายการทีวีของเค้าหรือ เห็นมีแต่แขกที่ดูมีระดับทั้งนั้น แต่เมื่อเห็นข้อความของพี่ปุ้ย พิธีกรรายการว่า ยินดีที่จะได้สัมภาษณ์ฉัน ฉันรู้สึกดีขึ้นมาก แต่ฉันคงไม่มีโอกาสที่จะได้ไป กทม.หรอกนะ ฉันไม่แน่ใจว่า ฉันจะพูดได้ดีหรือเปล่า แต่ละคนพูดคล่อง พูดเร็วกันทั้งนั้น ฉันกลัวว่าจะพูดไม่ออก และเป็นรายการในช่วงเวลาที่ฉันมักจะเข้านอนแล้ว





เมื่อฉันรู้ว่า นายบอนจะไปออกทีวี ในวันที่ ดร.นรินทร์มาออกรายการ เพื่อนๆฉันวิจารณ์ว่า ไม่เจียมตัว ทำไมกล้าไปให้เขาเชือด แต่ละคนเก่งๆ มืออาชีพทั้งนั้น ยังไงนายบอนก็พูดไม่ทันแต่ละคนแน่นอน เสียหน้าเปล่าๆ แต่นายบอนบอกว่า เขาไม่มีหน้าตาให้เสีย เพราะเป็นคนธรรมดาๆ ไม่ได้เป็นดารา มียศตำแหน่งสูงที่จะต้องรักษาภาพพจน์




ฉันว่า ก็จริงอย่างที่นายบอนว่า คนเราต้องเป็นตัวของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องทำตามคนอื่น เพราะตัวเราไม่ได้เป็นเงาของใครสักหน่อย รายการในคืนวันจันทร์ที่ 21 มค. เหมือนเค้าจะไปช่วยเสริมบทบาทของ ดร.นรินทร์ และพิธีกรทั้ง 2 ให้เด่นชัดขึ้น ถ้ามองดูในจอ เห็นมีความแตกต่าง คนหนึ่งพูดน้อย อีกคนพูดคล่อง จะเสริมบทบาทของคนพูดคล่องให้โดดเด่นขึ้น ทำให้แฟนรายการชื่นชมในบทบาทของพิธีกรและ ดร.นรินทร์มากขึ้น เพราะนายบอนช่วยคิดประเด็นรายการในแนวนี้ ฉันว่า คงเหมือนที่เขาเซ้าซี้ให้ฉันเขียนบันทึกมาเผยแพร่ใน mblog เหมือนอยากให้คนอื่นรับรู้ว่า ฉันยังอยู่ใน mblog ตลอดเวลา...




เรื่องที่เขาชวนฉันไปออกรายการ only the lonely ทีแรกฉันปฏิเสธ แต่เขาบอกว่า โอกาสคือ กำไรชีวิต แค่ได้ไปเจอพิธีกรทั้งคู่ ก็คุ้มแล้ว ได้ไปนั่งชมรายการสดๆในสตูดิโอยิ่งคุ้ม ยิ่งไปเป็นแขกยิ่งคุ้มเข้าไปอีก แล้วยังจะได้สัมผัสแง่มุมที่งดงามจาก 2 พิธีกรอีกด้วย






คืนวันที่ 21 ม.ค. หลายคนที่หมู่บ้านฉัน ลุกขึ้นมารวมกลุ่มดูรายการกันกว่า 10 คน ไม่ใช่เพราะว่า นายบอนไปออกทีวี แต่เป็นเพราะเค้าเอาคำถามที่พวกเราฝากไปถามในรายการต่างหาก หลายคนอยากรู้ว่า ดร.นรินทร์จะตอบอย่างไร ตอน 6 ทุ่มยิ่งพากันกรี๊ดกร๊าดยกใหญ่ เมื่อเห็น MV เพลงรักแฟนพ่อ ถูกใจคอเพลงลูกทุ่งอย่างมากที่ทางรายการเอามาเปิดให้ดูก่อนนอน ตอนที่รู้ว่า คุณอำนาจ แสงสุข จะไปออกทีวีรายการนี้ด้วย เค้าให้ช่วยโหวต เลือกภาพถ่ายของคุณอำนาจ ภาพบรรยากาศมุมสวยจากอำเภอบ้านเกิดของเขา และภาพผลิตภัณฑ์สินค้าพื้นเมือง บอกว่าจะเอาไปทำคลิป เอาไปฝากให้เปิดในรายการ เป็นของขวัญยามดึกให้ผู้ชมรายการได้ชมภาพเหล่านี้จากกาฬสินธุ์บ้าง จากหลายร้อยภาพ ให้ช่วยเลือกออกมาแค่ 20 -30ภาพ แล้วเขาจะทำเป็น VCD ความยาวประมาณ 1 นาที ครึ่ง ใส่ดนตรีบรรเลงโปงลาง ให้ได้กลิ่นอายของวัฒนธรรมชาวอีสาน โห.... ทำไมน้อยจัง คงตั้งใจให้ช่วยกันคัดสิ่งที่ดีที่สุดไปฝากให้ผู้ชมเป็นของขวัญทางสายตาก่อนนอน




ฉันและเด็กนักเรียนของฉัน เลยช่วยกันคัดเลือกภาพจาก 350 ภาพ ให้เหลือแค่ 30 ภาพ และเลือกเพลงบรรเลงโปงลางที่คิดว่าน่าจะเข้ากับภาพ เลือกไว้ 2 เพลง ซึ่งเพลงนั้น ยาว 4 นาที แต่นายบอนจะเอาไปตัดต่อให้เหลือนาทีกว่าๆ ซึ่งนายบอนบอกว่า ทำเผื่อไว้ ถ้าเห็นสคริปรายการแล้ว เข้ากับประเด็น ทีมงานก็คงจะเอา VCD เพลงนี้ออกอากาศ แต่ถ้าไม่เหมาะ ฉันก็ขอให้นายบอนมอบให้พิธีกร และทีมงานไปเปิดดูเล่นๆละกัน คงทำให้ได้รับความรู้สึกที่ดีๆจากภาพและเพลงที่เห็นบ้างนะคะ ซึ่งเป็นคลิปที่ฉัน เด็กนักเรียนของฉัน เพื่อนๆและชาวบ้านส่วนหนึ่ง ช่วยกันเลือกให้สำหรับไปเปิดใน Only the lonely โดยเฉพาะเลยนะคะ.....




คืนวันศุกร์นี้ หลายคนที่หมู่บ้านพากันนัดหมายที่จะมานั่งดูรายการที่บ้านของเพื่อนครูที่ติดเคเบิลทีวี หลายคนรู้จักคุณอำนาจ แสงสุข เพราะมีโอกาสได้อ่านหนังสือทำมือของเขา และจากการบอกกันปากต่อปากว่า จะมีคนกาฬสินธุ์ไปออกทีวีในคืนวันศุกร์นี้ด้วย รอลุ้นกันว่า ภาพที่พวกเราช่วยกันเลือก เพลงที่เด็กๆนักเรียนช่วยกันโหวต ทีมงานจะเอาออกอากาศให้หรือไม่ ออกช่วงไหน แล้วพิธีกรจะพูดว่าอย่างไร ที่หมู่บ้านที่ฉันอยู่ มีบ้านที่ติดเคเบิลทีวีอยู่ 3 หลัง แต่หลังที่ฉันไปดู มีหลายคนนัดกันมาดูด้วยกัน นับดูแล้วก็เกิน 20 คนแล้วค่ะ...




ส่วนตัวฉันเอง ที่เคยบอกนายบอนว่า จะไปออกรายการนี้ ฉันไม่รู้ว่า ฉันจะว่างวันไหนในเดือน ก.พ. แล้ววันที่ฉันว่างที่จะไป ทีมงานเค้าจะมีแขกไว้ก่อนหรือเปล่า เห็นนายบอนบอกว่า คุณอำนาจ จะไปออกวันศุกร์ที่ 18 แต่ทางรายการติดต่อแขกมาออกรายการไว้แล้ว เลยต้องเลื่อนมาศุกร์นี้ คงต้องลุ้นกันหน่อยว่า ฉันจะได้ไปออกทีวีรายการนี้หรือเปล่า เป็นเรื่องของโชคชะตาเหมือนกันนะ....




แค่คนที่หมู่บ้านรู้ว่า ฉันจะไปออกรายการ หลายคนบอกจะตามไปให้กำลังใจที่ ASTV ด้วย นับดูแล้วก็เกือบ 10 คนแล้วค่ะ พวกเขาบอกว่า อยากเห็นฉันเปิดใจแบบสดๆ เพราะต่อไป ฉันจะไม่ได้อยู่เป็นครูให้กับลูกๆของพวกเขาอีกแล้ว แหม เหมือนกับว่า ฉันจะต้องไปกล่าวคำอำลาอาชีพครูในรายการ Only the lonely เลยนะ นายบอนก็เตรียมจะทำ VCD ภาพประกอบสำหรับฉันที่จะไปออกรายการให้อีก เห็นกำลังจะให้พวกเด็กๆและอีกหลายคนช่วยกันคัดเลือกภาพของฉันเหมือนกัน แม้ว่าฉันจะเป็นคนธรรมดา เป็นครูที่ไม่มีเกียรติยศใดๆ แต่ฉันก็รู้สึกอบอุ่นที่ได้รับสิ่งที่ดีๆตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ มีโอกาสได้มีส่วนร่วมกับ mblog มีส่วนร่วมกับเด็กๆ ในการช่วยคัดเลือกภาพและเพลง ให้รายการ Only the lonely อีกด้วย ฉันรู้สึกใจหายเหมือนกัน ไม่รู้ว่า นับจากวันที่ฉันก้าวออกจากการเป็นครูที่นี้แล้ว ฉันจะมีโอกาสได้รับความรู้สึกดีๆแบบนี้อีกหรือเปล่า....





ฉันฝาก MV เพลงท่อนหนึ่ง ประมาณ 1 นาทีกว่าๆ เพลงของต่าย อรทัย ฝากไปเป็นของขวัญและกำลังใจให้คุณอำนาจในรายการด้วย จากคนท้องถิ่น คนชนบทเหมือนกันค่ะ





ขอบคุณค่ะ

ครูน้อย ศศิพร...








หมายเหตุนายบอน

ตัวอย่างบางส่วนจากคลิปวิดีโอ และเพลงที่ครูน้อยและเด็กๆช่วยกันโหวตสำหรับ Only the lonely

ภาพเหมือนกัน แต่เพลงต่างกัน เพื่อที่จะเดาใจทีมงานว่า ถ้าทีมงานรายการจะเปิดคลิปนี้ในรายการ ทีมงานจะเลือกเพลงไหน??

ครูน้อย เด็กๆและพรรคพวก คงตั้งตารอลุ้นที่หน้าจออย่างใจจดจ่อ :)))







version 1








version2





คาดว่า ครูน้อยจะมาออกรายการ ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ก.พ. 51 แถมจะมี surprise พี่ปุ้ย พี่ฮอลล์อีกด้วย ว่างั้น!!!






ความคิดเห็นที่ 1
แย่จัง...จะหาชมได้จากใหนกันนะ...
โดย conqueror เมื่อ 24 มกราคม 2551 เวลา : 14:19

ความคิดเห็นที่ 2
อ ่านบทความชิ้นนี้แล้วทึ่ง!...ค่ะ ไม่เคยคาดคิดเลยว่า รายการดึกๆ ที่ฮอลล์กะปุ้ยจัด ทางสถานีเล็กๆ ผู้ชมต้องมีเคเบิ้ลหรือจานรับดาวเทียมเท่านั้น จึงจะมีโอกาสได้ชม แต่ก็ทำให้ผู้คนจำนวนหนึ่ง ในหมู่บ้านไกลๆ ของ จ.กาฬสินธุ์ ได้มีส่วนร่วม ได้นัดแนะกันมารอชม เป็นกำลังใจที่ดีเยี่ยมมากๆ สำหรับพี่ฮอลล์นะคะ ครูน้อย พวกเราก็รอครูน้อยมาร่วมรายการ เหมือนกับที่เคยรอน้องบอน และกำลังรอพบคุณอำนาจ หากนัดมาล่วงหน้า ไม่มีปัญหาอยู่แล้วค่ะ อยากไต่ถามเรื่องราวความรักความสัมพันธ์ของครูกับลูกศิษย์ และผู้ปกครองของเด็กๆ เหล่านั้น หวังว่าคงได้พบกันนะคะ ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกค่ะ พิธีกรรายการนี้ก็คนธรรมดาๆ ไม่ได้เป็นดารา หรือคนดังไฮโซ...เราก็ลูกชาวบ้าน คนทำงานแลกเงินยังชีพเหมือนกันค่ะ...ขอบคุณมากนะคะ
โดย pijika เมื่อ 24 มกราคม 2551 เวลา : 14:22

Read More......

Only the lonely : ทรงผมสัมพันธ์กับบุคลิกทางเพศและวัยอย่างไร

คืนวันพุธที่ 23 ม.ค.2551 แขกรับเชิญคนสำคัญจากแกรมเมอร์แฮร์แคร์ คุณวีระศักดิ์ อยู่เย็น สปอนเซอร์ของรายการนั่นเอง




VTR

"คุณคิดว่าทรงผมสัมพันธ์กับบุคลิกทางเพศและวัยอย่างไร"




- เด็กทำทรงผมให้เข้ากับใบหน้าได้ เสริมบุคลิก

- ตัดผมสั้นทำให้ดูกระฉับกระเฉง มั่นใจขึ้น

- ทำให้หน้าอ่อนกว่าวัย ดูมีบุคลิกภาพดีขึ้น

- รวบผมให้ดี ดูปราดเปรียยวขึ้นไม่เกะกะ

- ทรงผมเป็นการแสดงออกถึงตัวตน ถ้าไม่เหมาะกับตัวตนจะไม่มั่นใจ





ในช่วง talk


มีคุณวีระศักดิ์ อยู่เย็น และ อาจารย์ต้อม ธนากร วงศ์อาริยะกุล ช่างทำผมที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปี ทำงานอยู่ที่แกรมเมอร์ในส่วนของโรงเรียนสอนเทคนิคการซอย ที่สอนตั้งแต่ระดับ Basic จนถึง Advance และทำงานประจำอยู่ที่ เมสินี เมดิคอลสปา ซอยราชครู



เรื่องของการออกแบบทรงผมสำหรับช่างทำผมนั้น ไม่ง่ายนัก ทั้งออกแบบเอง และลงมือทำผมเอง






สัปดาห์นี้ คุณวีระศักดิ์ มีคำศัพท์เรื่องการทำผมมาให้ความรู้ คือ คำว่า โวลุ่ม (Volume) เป็นการ set ผมให้มีการพองตัวขึ้นมา








ดูในรูป ทรงผมพี่ฮอลล์ ทำการเพิ่มโวลุ่มทรงด้านมงกุฏ ทำให้พี่ฮอลล์ดูเปลี๋ยนไป๋ ......ว๊าว....











ส่วนทรงผมของพี่วีระศักดิ์ ที่ทำโวลุ่มในแบบผู้ชาย ทำตรงไฮไลท์ อย่างที่เห็นในภาพ




การทำโวลุ่มสำหรับวัยรุ่น ทำให้อินเทรนด์ได้ โวลุ่มจะทำให้ดูเนื้อผมเยอะๆ ดูเป็นทรงขึ้นมา




สำหรับคนที่มีผมเส้นเล็ก ปริมาณผมน้อย สามารถทำให้ทรงผมมีโวลุ่มขึ้นมาได้ โดยทำเป็น shape ให้มีทรงขึ้นมา สำหรับคนที่เริ่มมีอายุมาก ปริมาณเส้นผมน้อย ต้องพยายาม set ผมให้ดูเยอะ ให้ดูมีเนื้อผมมากขึ้น มองดูกระชากวัย เมื่อมองเห็นเนื้อผมเยอะจะรู้สึกมั่นใจ สาวๆมองแล้ว สะดุดตา



สำหรับผู้ชายสูงวัย จะมีปัญหาเส้นผมมากกว่าผู้หญิง เพราะผมจะบาง สั้นกว่า สามารถจะเพิ่มโวลุ่ม นำผมส่วนที่มีมาปกปิด ใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผมช่วยให้ดูมีผมหน้าได้



มาถึงคำถามสำคัญ ทำอย่างไรให้ดูมีโวลุ่ม?


คุณวีระศักดิ์ขยายความว่า การสร้างโวลุ่ม คือ วิธีที่ง่ายๆ คือ การดัด เช่น ดัดยกโคน ไม่ดัดทั้งศรีษะ ส่วนคนที่มีผมหยักศก ดูไม่สวย ต้องดัดให้มีลอนสวยขึ้น ทำให้ดูมีโวลุ่ม




ถ้าไม่อยากใช้เคมี น้ำยาแต่งผม สามารถใช้ม้วนเกลียวไฟฟ้า สร้างลอนไฟฟ้าได้




การทำโวลุ่ม นอกจากการดัด , set แล้ว สามารถทำการตัดซอยกับช่างทำผมมืออาชีพ อันเดอร์คัท ตัดผมข้างในให้สั้น เพื่อให้ค้ำผมข้างในดันให้เส้นผมด้านนอกพองตัวขึ้นมา ซึ่งเทคนิคนี้สามารถทำเฉพาะจุดได้ ถ้าทำทั้งศรีษะ ทรงผมก็จะดูพองโต..




ส่วนทรผมของพี่ปุ้ย ตัดตรงท้ายทอยให้สั้น ดันให้หัวทุยขึ้นมา


พี่ฮอลล์นินทาช่างทำผมของ ASTV จะเป็นช่างทำผมหลายคนเวียนมาทำผมให้ วันไหนเจอช่างคนไหนก็ต้องทำผมกับช่างคนนั้น แต่ละคืนที่ออกหน้าจอ เลยทรงผมดูดีมั่ง ไม่ค่อยดูดีมั่ง




ช่วงสุดท้ายของรายการ สาธิตการทำผม เพิ่มโวลุ่มให้ดู โดยนางแบบ น้องเอ๋ ทิชากร ธารสมบัติ


แหม นายบอนน่าจะอยู่แถวนั้นด้วย จะได้ขอเบอร์ติดต่อของน้องเค้า :)))))




ในรูปที่เห็น มีการใช้แปรงกลม แล้วใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผมใส่เส้นผม ให้ทำปฏิกิริยากับความร้อนจากเครื่องไดร์ผม ความร้อนทำให้ผมอยู่ทรง.....






























































แหม มุมกล้อง ประชันสวยระหว่างพี่ปุ้ย และน้องเก๋ นางแบบ





24 มกราคม 2551 เวลา : 18:25:00

ความคิดเห็นที่ 1
เ อ๊า!...พี่ฮอลล์อุตส่าห์กลับมาเม้าท์เบื้องหลังต่อ นายบอนยังมาชิงตัดหน้า เม้าท์เรื่องเมื่อคืนอีก เวลาเดียวกันซะด้วย...โห...ใจตรงกันซะ...ขอบคุณมากนะคะน้องบอน
โดย pijika เมื่อ 24 มกราคม 2551 เวลา : 18:40

ความคิดเห็นที่ 2
แ หม พี่ฮอลล์ มีเบื้องหน้า ต้องมีเบื้องหลัง ให้ผู้อ่านได้ติดตามอย่างครบรสดิครับ... พี่ฮอลล์ชอบย้อนรำลึกความหลัง นายบอนขอช่วงปัจจุบันละกันนะพี่ :))))
โดย บอน sata1msu เมื่อ 24 มกราคม 2551 เวลา : 18:49

ความคิดเห็นที่ 3
เหะเหะ ผมชอบนางแบบง่ะ ;)
โดย kooyik เมื่อ 24 มกราคม 2551 เวลา : 20:54

ความคิดเห็นที่ 4
นางแบบผู้นี่กะงามขนาดเนาะอาว
โดย 11arrows เมื่อ 24 มกราคม 2551 เวลา : 23:29

ความคิดเห็นที่ 5
สวยค่ะ แต่ยากจะดูแลรักษา...
โดย conqueror เมื่อ 25 มกราคม 2551 เวลา : 9:29

ความคิดเห็นที่ 6
...นู๋ทำอาหารเปงตั้งหลายอย่าง อยากหม่ำแค่มาม่าเองหรอค่ะ พี่ชาย...;-))
โดย tomorrow เมื่อ 25 มกราคม 2551 เวลา : 10:27

ความคิดเห็นที่ 7
แวะมาหวัดดีนายบอนตอนดึกค่ะ ...///... นางแบบ จ๋วยทุกคนค่ะนายบอน ...;)))
โดย คิมค่ะ ... เมื่อ 25 มกราคม 2551 เวลา : 23:58




Read More......

Wednesday, January 23, 2008

Only the lonely เมื่อ ดร.นรินทร์ กรินชัย ออกรายการร่วมกับนายบอน

...

ปกติทุกคืนวันจันทร์ มีแขกประจำคือ ดร.นรินทร์ กรินชัย นักจิตวิทยามืออาชีพจากมูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ คอยตอบประเด็น ให้คำแนะนำในรายการ แต่สำหรัยคืนวันที่ 21 ม.ค. กลับมีนายบอนมานั่งถามในรายการ กับหัวข้อ "วันเวลากับการรักษาความรัก ความสัมพันธ์"


เมื่อไปโผล่ออกหน้าจออีกครั้ง ก็มีเบื้องหน้าเบื้องหลังมาฝากกันอีกแล้ว!!


ตอนทุ่มกว่าๆ นายบอนโทรไปรายงานตัวกะพี่ปุ้ย พี่ฮอลล์ รายแรก เสียงสดใส ถามว่าได้เปิดดูเมล์อ่านสคริปรายการหรือยัง เจอกันตอน 22.30 น. นะคะ ส่วนรายหลัง พอโทรไปหาปุ๊บ พี่ฮอลล์ก็รับสาย เสียงงัวเงีย เอ๊ะ หรือโทรไปปลุกตอนที่พี่ฮอลล์กำลังนอนหลับรึเปล่าเนี่ย ยิ่งนอนน้อยๆอยู่ แต่พี่ฮอลล์ก็ตอบกลับมาแบบงัวเงียๆว่า เจอกันตอน 3 ทุ่ม เดี๋ยวแวะรับตรงสะพานลอยที่เดิม


3 ทุ่มครึ่ง นายบอนก็ไปรอตรงเมเจอร์ รัชโยธิน เห็นรถพี่ฮอลล์แล่นมา มองเห็นทรงผมใหม่แล้วขำๆ แต่ก็รีบเปิดประตูขึ้นรถ ชักช้าเดี๋ยวแท็กซี่คันหลังบีบแตรด่าเข้าให้ พอขึ้นรถ ไหว้สวัสดีแล้ว พี่ฮอลล์ก็ทัก ไป ไปกินขนมจีนแถวนี้มารึยัง โอ๊ะ ลืมอีกแล้ว คงเป็นคราวต่อไปต้องแวะชิมสักหน่อย เพราะพี่ฮอลล์เชียร์ร้านนี้หลายครั้งแล้ว


ระหว่างที่พี่ฮอลล์ขับรถออกมา เพิ่นก็เปิดวิทยุ มีแต่รายการคุยเรื่องการเมือง จนพี่ฮอลล์บ่นเซ็ง กับข่าว พปช.ตั้งรัฐบาล เบื่อ... พี่ฮอลล์ก็หมุนเปลี่ยนคลื่นไป ขับรถเรื่อยทางฝั่งธน พี่ฮอลล์ก็จอดรถแวะซื้อ ลูกชิ้น เอ็นหมู ของอร่อยที่ไม่มีแป้งผสม เพราะซื้อไปวันจันทร์ที่แล้ว ดร.นรินทร์ทานซะเรียบ (ขนาดบอกว่ ผมคงทานไม่เยอะนะ) ส่วนสัปดาห์ก่อน ดร.นริทนทร์ วางฟอร์มสงวนท่าทีรักษามารยาทไม่ทานเลย .... ที่จอดรถริมถนนจอดยาก พี่ฮอลล์เลยวานนายบอนลงไปซื้อมา 50 บาท แหม... ลงไปซื้อที่รถเข็น กำลังปิ้งกันสดๆ หอมหวน แต่นายบอนพึ่งกินข้าวมันไก่ตอนซะอิ่ม จุกเลย ได้แต่มองลูกชิ้นร้อนๆในถึงตาละห้อย....


พี่ฮอลล์ขับรถมาใกล้ สถานี ASTV ก็หมุนฟังคลื่นวิทยุที่คุณต่อพงษ์ เศวตามกำลังจัดรายการสดกับคุณไก่ ทั้งด่า กระทบกระเทียบ แซวการเมืองแบบหลุดโลกฮาแตกฮาแตน พี่ฮอลล์เปิดฟังบ่อยๆยังขำกระจาย ตอนที่พี่ฮอลล์เจอคุณไก่ ผู้จัดรายการ คุณไก่บอก สั่งห้ามไม่ให้ลูกหลานเปิดฟังเด็ดขาด


หลังจากซื้อลูกชิ้น นายบอนก็ถือถุง เอาหูหิ้วสอดใส่นิ้วมือ แล้วกำเงินทอน 50 บาท ถือชูขึ้นในระดับไหล่พี่ฮอลล์ จนรถติดไฟแดง พี่ฮอลล์คงรำคาญสายตา ไม่รู้มันจะชูเงินทอนอะไรขนาดนั้น ....เลยรีบเก็บเงินทอนใส่กระเป๋า พอเข้ามาถึง สถานี ASTV ถอยรถเข้าจอดในช่องจอด นายบอนก็ถือถุงลูกชิ้นแบบกวนสายตาพี่ฮอลล์อีกรึเปล่า เอานิ้วมือสอดใส่หูหิ้วถุง ยกชูขึ้นข้างหน้าระดับราวนม พี่ฮอลล์คงเห็นถือถุงแบบแปลกๆ เลยรีบบอด เดี๋ยวจะถือขึ้นไปเอง พอส่งถุงลูกชิ้นใส่มือพี่ฮอลล์ อ๊ะๆๆๆ ถุงลูกชิ้นหล่นลงพื้น ดีที่ลูกชิ้นไม่ไหลออกจากถุงเลย



บ๊ะ..... ขนาดเอื้อมมือมาหยิบถุง พี่ฮอลล์ยังหยิบพลาด จนหลุดมือ สงสัยจะนอนไม่เต็มตื่นจนกะระยะสายตา หยิบพลาดจนได้ ท่าทางจะทำงานหนักเกินไปซะแล้วมั้งพี่.....


พอขึ้นไปบนชั้น 2 จะเข้าไปยังห้องข้างใน ต้องรูดบัตรพนักงานให้ประตูเปิด พี่ฮอลล์ต้องเคาะกระจกให้คนอยู่ข้างในมาเปิดให้ .... พี่ฮอลล์ไม่มีบัตรพนักงานซะงั้น ไม่น่าเชื่อเล้ย มาจัดรายการที่นี่ตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีบัตร.... พี่ปุ้ยยังมีบัตรเลย สงสัยพี่ฮอลล์จะขี้เกียจพกบัตร ใช้มือแทนบัตร เคาะเรียกแม่บ้านให้มาเปิดให้... หรือกลัวว่าจะไม่มีใครรู้ว่า พี่ฮอลล์มาถึงแล้วจ้า!!!


พี่ฮอลล์เข้ามาถึงห้องทำผม นายบอนก็มานั่งอ่านผู้จัดการรายวันอยู่โซฟาข้างนอก จนพี่ปุ้ยเดินออกมาเข้าห้องน้ำ เลยบอกให้นายบอนไปแต่งหน้าทาแป้งทำผม.. วันนี้ เห็นช่างผมมืออาชีพ ออกแบบทรงผมสะดุดตาโดนใจ ขนาดพี่ปุ้ยยังแอบเม้าว่า เค้าทำผมให้ อ.ปานเทพ พัวพงศ์พันทรมผมชี้ขึ้นนิดๆ กระชากใจแม่ยกอีกแล้ว ..... ช่างแต่งหน้าคนแรกทารองพื้น ทาลิปติกให้นายบอน ช่างผมมืออาชืมองเห็นแล้วขัดตา บอกว่า ทรงผมเรียบร้อยเกินไป เลยหยิบสเปรย์มาฉีกจัดแต่งทรงผม หวีอีกนิด ให้ดูเข้าท่าขึ้น


พี่ปุ้ยก็กระซิบถามอีกครั้งว่า ง่วงมั้ย ยิ่งดึกยิ่งง่วงครับ ง่วงๆก็นึกคำพูดอะไรไม่ออก


ทีวีในห้องทำผม เปิดดูช่อง 3 ดูละคร จำเลยรัก แต่ละคนก็เม้ากันไป นึกถึงจำเลยรักเวอร์ชั่นเก่าๆ ใครเป็นพระเอก นางเอก เล่นเป็นยังไง ส่วนอั้ม พระเอกคนล่าสุด พี่ปุ้ยสงสัย ทำไมถึงใส่ตุ้มหูล่ะ ฉากในละคร สถานที่ พื้นของบ้านดูมันเลื่อม ดูหรูจัง แล้วยังจับผิด พระเอกทำเสียงเก๊ก แอ๊บแมน....พอละครจบ รายการต่อไป คือ จับเข่าคุย พอเห็นหน้าพิธีกรโม้ข่าว เอ๊ย กรรมกรข่าว พี่ปุ้ยรีบคว้ารีโมทเปลี่ยนช่องทันที ... ขอดูรายการอื่นเถอะนะ.....


ใกล้ 5 ทุ่ม ดร.นรินทร์โผล่เข้ามา ก็แจกซองผ้าป่า เอ๊ย ซองเอกสารเชิญเข้าร่วมกิจกรรมของ มหาวิทยาลัยทางจิตของโลก บราห์มา กุมารี แล้วช่างผมก็จับ ดร.นรินทร์ทำทรงผมวัยรุ่น นายบอนมองดูแล้วชักขำขำ หมู่นี้ พี่ฮอลล์กระชากวัยคนเดียวไม่พอ ดร.นรินทร์ก็ร่วมกระชากวัยลดอายุด้วยอีกคน...


และแล้วก็มี surprise มีของฝากจากแฟนรายการเข้ามายังห้องแต่งตัว ทั้งขนมจากคุณอี้ คิตตี้น้อยสีชมพู แฟนพันธุ์แท้ของรายการที่โทรเข้ามาทักทายในรายการอยู่บ่อยๆ และยังมีตุ้มหูสวยๆจากคุณป้าที่ใช้นามสกุลดัง ถ้าได้ยินแล้วต้องนึกถึงบุคคลสำคัญท่านหนึ่งทันที พี่ปุ้ย พี่ฮอลล์รีบถอดตุ้มหูที่ใส่อยู่และใส่ตุ้มหูคู่ใหม่ทันที พร้อมทั้งกดโทรศัพท์ไปขอบคุณ แล้วโชว์ตุ้มหูคู่ใหม่ตอนเปิดรายการ แล้วหยิบถุงขนมของฝากจากคุณอี้ขึ้นโชว์ พร้อมขอบคุณผ่านหน้าจอ เพื่อเป็นหลักฐานว่า ถึงมือแล้วค่ะ ส่วน ดร.นรินทร์ กำลังหม่ำอย่างเอร็ดอร่อย






พี่ปุ้ยบอกว่า เนี่ย รายการช่องฟรีทีวีไม่มีแบบนี้เลยนะ ที่จะมีแฟนรายการส่งน้ำใจ + จ.ม.+ ของขวัญ + สิ่งของมาให้ แถมยังมีแฟนรายการช่วยคิดประเด็น และหาแขกรับเชิญให้อีก มีที่นี่ทีเดียว!!!


ช่วงเม้าท์ข่าว 2 พิธีกรก็คุยกันไป นายบอนไปนั่งอยู่ใกล้ๆ ดร.นรินทร์ ท่านก็ชวนให้ลองชิมขนมจากคุณอี้ แต่นายบอนอิ่มข้าวมันไก่ตอนเสียแล้ว เลยได้แต่กินทางสายตา....


แป๊บเดียวก้เข้าสู่ช่วง talk ทีมงานก็ยกเก้าอี้โซฟายาวเข้าไปเสริม ให้ ดร.นรินทร์กะนายบอนเข้าไปนั่ง ดร.นรินทร์นั้งตรงขอบๆที่เบาะยกนูนขึ้นมา ดร.นรินทร์เลยดูตัวสูงกว่าใคร ท่านบอกให้นายบอนยืดตัวขึ้นหน่อย โอ๊ย ไม่ไหวครับ เบาะนุ่มมาก อยากจะเอนหลังนอนอยู่หลายครั้ง




จากช่วง VTR มาจนถึงแนะนำแขกรับเชิญ เริ่มต้นคุย แลกเปลี่ยนความรู้สึกของพิธีกร + วิทยากร + แขกรับเชิญทุกคน คิดว่า วันเวลามีผลต่อความรักความสัมพันธ์อย่างไร นายบอนก็ตอบสั้นๆ เพราะเริ่มง่วงครับ แต่อีก 3 ท่านตอบอย่างหวานซึ้งทีเดียว แล้วก็พูดเปิดประเด็นให้ว่า นายบอนมีคำถามเกี่ยวกับชีวิตคู่มาถาม


คำถามแรกนายบอนนำเรื่องราวของคู่สามี-ภรรยาที่เป็นแฟนกันมา 8 ปีแล้ว แต่งงานมาด้วยกันมา 3 ปี จนรู้สึกว่าความรักจืดจางลง ถามไปไม่เท่าไหร่ ดร.นรินทร์ตอบสวนมาทันที แถมยังตอบได้ครอบคลุมประเด็นอย่างมาก นายบอนเหลือบดู 2-3 คำถามที่เตรียมไว้ แต่คำตอบของ ดร.นรินทร์ตอบได้ครอบคลุม จนนายบอนไม่รู้จะถามอะไรเหมือนกัน


พี่ฮอลล์ และ ดร.นรินทร์บอกว่าไม่ต้องเตรียมมาเยอะ เพราะคุยกันแป๊บเดียวก็จะถึงช่วงพักกันแล้ว แต่นายบอนว่า เตรียมประเด็นมาน้อยเกินไป เพราะบางคำถามประเด็นใกล้เคียงกัน


ช่วงบ่ายแก่ๆวันอังคารที่ 22 ม.ค. เพื่อน 3 คนโทรมาหานายบอนชื่นชม ดร.นรินทร์ที่ตอบได้ตรงประเด็นมากๆ แม้ว่านายบอนจะยังไม่ได้หยิบคำถามที่เพื่อนทั้ง 3 คนให้สอบถามในรายการ แต่คำแนะนำของ ดร.นรินทร์ได้อธิบายขยายความตอบข้อสงสัยของเพื่อนทั้ง 3 คนแล้ว


คำแนะนำของ ดร.นรินทร์ที่ว่า หากคู่สามี ภรรยาที่มีปัญหากันแล้ว กระทบกระทั้งกัน ทะเลาะกันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่อยากรักษาความรักให้ยั่งยืน แต่ก็ทะเลาะกันทุกครั้ง ดร.นรินทร์ได้แนะนำว่าไปปรึกษานักจิตวิทยาซึ่งในแต่ละจังหวัดสามารถติดต่อขอ คำปรึกษาได้ที่โรงพยาบาลในแต่ละจังหวัดได้เลย ซึ่งช่วงบ่ายวันที่ 22 ม.ค.มีเพื่อนโทรมาสอบถามเบอร์โทรของโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ นายบอนเลยต้องเปิดหาในสมุดโทรศัพท์ให้


ได้รับรู้ผลตอบรับจากรายการในคืนที่ผ่านมาแล้ว ถือว่า เนื้อหาสาระในรายการ only the lonely ได้ให้คำแนะนำชี้ทางสว่างให้ผู้ชมกลุ่มหนึ่ง ให้มองเห็นแนวทางในการรักษาความรักความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ที่เกิดปัญหา รวมทั้งให้คู่ชีวิตได้รู้จัก มองเห็นพฤติกรรมของตัวเองมากขึ้น


คงต้องขอแผ่น CD บันทึกรายการของวันจันทร์ที่ 21 ม.ค.อีกครั้งละครับ จะได้สำเนาแจกจ่ายให้อีกหลายคน คงได้แฟนรายการเพิ่มขึ้นอีกก็คราวนี้แหละ



พี่ฮอลล์บอกว่า นายบอนมาช่วยรายการ Only the lonely หลายๆเรื่อง ไม่ได้อะไรตอบแทนเล้ย.. แหม ความจริงก็ด้อะไรเหมือนกันนาครับ ก่อนกลับ พี่ปุ้ยให้กล่องขนมเป็นของฝากไว้ทานตอนดึกๆ ซึ่งนายบอนมักจะหาอะไรทานรองท้องเมื่อเดินทางถึงโคราชในตอนตี 5 อยู่เสมอ




ในช่วงสุดท้ายของรายการ เอา VCD เพลงลูกทุ่งที่เลือกมาให้เปิดในรายการ ซึ่งนายบอนตั้งใจให้เป็นสีสันยามดึกของรายการ ให้ผู้ชมได้เห็นภาพดีๆ อบอุ่นก่อนเข้านอนบ้าง เลยเลือก MV เพลง รักแฟนพ่อ ของเสถียร ทำมือมาเปิดในรายการ




เชิญคลิกชมและฟัง MV แบบเต็มๆ ทั้งเพลง เนื้อเพลง


ความจริงแล้ว เตรียมไว้ 2 เพลง แต่เวลามีจำกัด จึงเปิดได้เพลงเดียว แถมเปิดเพียงครึ่งเพลงเท่านั้น คุณสาธิตาแฟนประจำของรายการโทรเข้ามา บอกขอบคุณที่เอาดเพลงเพราะๆ MV อบอุ่นมาให้ชม เพลงนี้ พี่ปุ้ย พี่ฮอลล์บอกว่า พึ่งเคยเห็นครั้งแรก เห็นนักแสดงใน MV แล้วก็พากันยิ้ม บอกว่าหน้าเหมือนใครคนหนึ่ง


เดี๋ยวนายบอนคงต้องหา MV สวยๆให้ความรู้สึกที่ดีๆก่อนเข้านอนไปเปิดในรายการในโอกาสต่อๆไป ซึ่งในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ก็เตรียม MV สวยๆ ในเวลา 1 นาที ไปให้ชมแล้วล่ะครับ เป็นภาพบรรยากาศสงบร่มรื่นของชีวิตชนบท และใส่เพลงบรรเลงดนตรีโปงลางเพราะๆให้ได้สัมผัสกลิ่นอายและรอยยิ้มของชาวอีส าน....


พอจบรายการ ดร.นรินทร์บอกว่า จะขอไปส่งนายบอนที่หมอชิต ดีเลยครับ พี่ฮอลล์จะได้รีบกลับไปนอนไวๆ แต่เท่าที่เคยเปิดดู mblog เห็นพี่ฮอลล์เข้ามา comment ตอนตี 1 ตี 2 อยู่หลายครั้ง


นั่งรถกลับมากับ ดร.นรินทร์ ท่านชวนคุย ถามเอาถามเอา นายบอนก็เลยขอปรึกษาหลายเรื่องซะเลย ท่านก็ให้คำแนะนำมากมาย ซักถามและตอบอย่างฉับไว จนรู้สึกว่า เหมือนได้นั่งคุยกัยเป็นชั่วโมงเลยทั้งๆที่ ดร.นรินทร์ขับรถเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น สมแล้วครับที่เป็นนักจิตวิทยามืออาชีพของมูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ไม่รู้เหมือนกันว่า นายบอนจะมีโอกาสที่จะได้เข้า กทม.ในวันจันทร์แบบนี้อีกเปล่า เพราะส่วนใหญ่ นายบอนจะเข้า กทม.ในศุกร์เป็นส่วนใหญ่...... หากได้เข้ามาในวันจันทร์อีก ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ คงจะรวบรวมประเด็นคำถามปัญหาชีวิตมาเป็นแขกซักถาม อยากจะยิงคำถามให้ ดร.นรินทร์ตอบตรงประเด็นเหมือนที่นั่งคุยในรถจังเลย...


ถือว่า เป็นโอกาสดีๆอีกวันหนึ่งในชีวิต เหมือนทุกๆครั้งที่มีโอกาสแวะมาที่รายการ Only the lonely แบบสดๆ


คุยกันในรถแป๊บเดียว รู้สึกว่า ได้ประเด็นเยอะ หลากหลายกว่าที่คุยในรายการซะอีก

ตอนอัดรายการช่วงเบรกโฆษณา ดร.นรินทร์กันมาถามนายบอนว่า "อยากให้ผมเล่าขำขันจริงหรือ? "

โอ๊ย เล่าเถอะครับ ขนาดพูดให้คำแนะนำหรือแซวในรายการ หลายจังหวะเรียกรอยยิ้มยามดึกได้หลายครั้ง ถ้าพูดขำขันทุกสัปดาห์ ยิ่งจะทำให้ผู้ชมอมยิ้ม จนถึงขั้นปล่อยก๊าก อารมณ์ดีก่อนเข้านอน ได้กุศลอีกด้วยนะครับ








23 มกราคม 2551 เวลา : 10:21:00



ความคิดเห็นที่ 1
ค ืนนั้น หนุ่มคนหนึ่งเขาดูรายการอยู่ พอเจอกันเขาถามว่า ทำไมคืนนี้คุณพูดช้าจังเลย...จึงตอบว่า ก็เกรงว่านายบอนจะพูดไม่ทัน เพราะ ดร.ปุ้ยก็พูดเร็ว ดร.นรินทร์ก็พูดเร็ว และเนื้อหาเยอะ เห็นนายบอนพูดช้า มาก ซึ่งไม่แน่ใจว่าง่วง หรือ ไม่ชินกล้อง ถ้าพี่พูดเร็วอีกคน นายบอนคงไม่มีโอกาสแทรกแน่ๆ ... แต่ก็ต้องขอขอบคุณสำหรับการใส่ใจชมรายการ นำมาขยายต่อในบล็อก และช่วยคิดประเด็น นะคะ...เป็นแฟนรายการที่น่าทึ่งมากๆ คนหนึ่งเชียวค่ะ
โดย พี่ฮอลล์ เมื่อ 23 มกราคม 2551 เวลา : 12:41

ความคิดเห็นที่ 2
ง่วงและเหนื่อยด้วยครับ เพราะตะลุยมาทั้งวัน ดีนะครับ ไม่เอนหลังนอนหลับโชว์กลางรายการเลย :)))))
โดย บอน sata1msu เมื่อ 23 มกราคม 2551 เวลา : 14:31

ความคิดเห็นที่ 3
หายไปหลายวันเลย ที่แท้มาทัวร์นี่เอง :)
โดย xanax เมื่อ 23 มกราคม 2551 เวลา : 15:04

ความคิดเห็นที่ 4
อิอิ แล้วเจอกันวันศุกร์ค่ะ
โดย พี่ปุ้ย/บางมด เมื่อ 23 มกราคม 2551 เวลา : 15:29

ความคิดเห็นที่ 5
รายงานละเอียดดีมากน้องบอน ขอบคุณคับ
โดย nataya เมื่อ 23 มกราคม 2551 เวลา : 15:54

ความคิดเห็นที่ 6
...;-))))))))) ค่ะพี่ชาย
โดย tomorrow เมื่อ 23 มกราคม 2551 เวลา : 20:03

Read More......