Saturday, January 26, 2008

สคริปท์เกือบสมบูรณ์ วันศุกร์ 25 มค.51



Only The Lonely

วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2551

---------------เปิดรายการ---------------

  • ไตเติ้ลรายการ
  • พิธีกรทักทายผู้ชมทางบ้าน

สวัสดีค่ะ พบกับรายการ Only The Lonely ทุกคืน ห้าทุ่มถึงเที่ยงคืนครึ่ง จันทร์ - ศุกร์ ที่สถานีโทรทัศน์ ASTV 3 แฮปปี้ วาไรตี้ แชนนัล

พบกับพวกเรา ดิฉัน จรินยา ศักดิ์ศิริ ค่ะ

กุลธิดา ธรรมวิภัชน์ ค่ะ

เราจะมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์พูดคุยกัน ในเรื่องราวความรักความสัมพันธ์ ไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดวัย พร้อมกับรับสายสดจากทางบ้าน ในช่วง Lonely Talk

วันนี้เป็นวันศุกร์สบายวาไรตี้ ซึ่งเราจัดให้เป็นวันสบาย ๆ เรื่องราวที่เลือกมาฝากก็เรื่องสบาย ๆ ประมาณชวนกิน ชวนเที่ยว

ซึ่งช่วง โลนลี่ ทอล์ค เราจะสนทนากับคุณอำนาจ แสงสุข ผู้ชายคนนี้มีความรักค่ะ แต่ความรักของเขาคือประเด็นที่เราจะคุยกันในคืนนี้ “ ด้วยรักและผูกพัน(ต่อถิ่นฐานบ้านเกิด) ”

ส่วน VTR เราก็ไปสอบถามนานานาทัศนะในหัวข้อนี้เช่นเดียวกันค่ะว่า

“ คุณมีความรักและความผูกพันต่อถิ่นฐานบ้านเกิดมากน้อยแค่ไหน อย่างไร ”

โทรเข้ามานะคะ พิเศษสุด แกลมเมอร์ แฮร์แคร์ สนับสนุนผลิตภัณฑ์ผมจากสหรัฐอเมริกา แบรนด์ BEDHEAD ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมสำหรับคนรุ่นใหม่ วัยมันส์บังคับทิศทางเส้นผมได้ตามใจปรารถนา หาซื้อได้ที่ห้างเซ็นทรัล แผนกเครื่องประดับตกแต่งสตรีทุกสาขา และแบรนด์ CATWALK ผลิตภัณฑ์ผมสำหรับหนุ่มสาวแฟชั่นทันสมัย เบาสะอาด จัดแต่งทรงผมได้ในพริบตา หาซื้อได้ที่ ร้านบูท ทุกสาขา

มอบ กิฟท์ เวาเชอร์ มูลค่า 200 บาท สำหรับไปสระซอยผม และมูลค่า 500 บาท สำหรับไปดัดยืดทำสีผม ให้กับคุณผู้ชม Only the Lonely ที่โทรเข้ามา เลือกได้ตามใจเลยค่ะ....

(หมายเหตุ... ราคาสระซอยผม 300 บาท คนได้รางวัลจะเสียเงินแค่ 100 บาท / ส่วน ดัดยืดทำสีผม เขาคิดราคา 1,000 – 2,000 ตามสภาพผมความยาว ความหนา ก็จะได้ลด 500 บาทค่ะ...)

ตอนนี้ขอไปจับเข่าเมาท์ข่าวค่ะ

ข่าวที่ 1/ช่วยกันอ่าน

ผัวเมียทะเลาะกันดีต่อสุขภาพ
นสพ.มติชน
ผลการศึกษาของอาจารย์จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ที่นำออกเผยแพร่ในวารสารจอร์นอล ออฟ แฟมิลี คอมมิวนิเคชั่น ฉบับล่าสุด ระบุว่า การทะเลาะวิวาทกันระหว่างคู่สามีภรรยาหรือคู่รักแท้ที่จริงแล้วเป็นเรื่องที ่ดีกับสุขภาพ ทั้งนี้ จากการติดตามข้อมูลของคู่สามีภรรยา 192 คู่ ตลอด 17 ปีที่ผ่านมา พบว่าคู่สามีภรรยาหรือคู่รักที่เก็บความรู้สึกไว้เงียบๆ และไม่กล้าพูดกันอย่างตรงไปตรงมา มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตสูงกว่าสามีภรรยาหรือคู่รักที่กล้าพูดกันตรงๆ และทะเลาะกันประจำสูงถึง 2 เท่า ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่าเมื่อเกิดการทะเลาะคู่สมรสจะแก้ปัญหาร่วมกันอย่าง ไร

ผลการศึกษาครั้งนี้สอดคล้องกับผลการศึกษาก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า ความเก็บกดที่เกิดจากการไม่กล้าแสดงอารมณ์โกรธนำไปสู่โรคต่างๆ ที่มีบ่อเกิดจากความเครียด เช่น โรคหัวใจและความดันโลหิตสูง อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาครั้งนี้ยังเป็นเพียงการสำรวจเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้เป็นผลสรุปของคู่สมรสทั้งหมด ทั้งนี้ การศึกษาของมหาวิทยาลัยมิชิแกนมีขึ้นในเมืองเล็กๆ ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นครอบครัวชนชั้นกลาง โดยส่วนภรรยาส่วนใหญ่เป็นแม่บ้านและมีแนวคิดอนุรักษนิยมในเรื่องความเท่าเที ยมทางเพศ

จาก Link

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01for03250151&day=2008-01-25&sectionid=0104

---------------------------------------------

ข่าวที่ 2/ช่วยกันอ่าน

5 เทรนด์กินดีมีสุขภาพ

นสพ.โพสต์ทูเดย์
เดี๋ยวนี้หันมองไปทางไหนก็มีแต่เรื่องของสุขภาพ ที่กลายเป็นเทรนด์ฮิตมาร่วมทศวรรษแล้วก็ยังไม่ตกกระป๋อง แม้กระทั่งคนฝั่งอเมริกา ซึ่งเป็นเจ้าตำรับของฟาสต์ฟู้ดอันขึ้นชื่อนักหนาว่าเป็นตัวการก่อให้เกิดอนุ มูลอิสระ กินแล้วจะอ้วน เสียสุขภาพ ฯลฯ ก็ยังหันมาเกาะเทรนด์ใหม่ หันหลังให้อาหารบั่นทอนสุขภาพทั้งหลาย พื้นที่ของความนิยมในแนวทางอาหารต่างๆ จึงกว้างมากขึ้น อาหารสุขภาพหลายอย่างสอดแทรกเข้ามาเป็นแนวทางให้ทดลองรับประทานกันมากมาย เทรนด์อาหารที่ทั้งอร่อย ไม่สุดโต่งเกินไป หารับประทานง่าย และจัดได้ด้วยตัวเอง แนวทางทั้ง 5 ได้รับความนิยมสูง มีดังนี้

1. กึ่งมังสวิรัติ

นอกจากวิตามินและไฟเบอร์จากผัก ผลไม้ และธัญพืชต่างๆ แล้ว แนวทาง “กึ่งมังสวิรัติ” (Flexitarianism) ยังอนุโลมให้รับประทานเนื้อสัตว์ที่ไร้มัน ปลา ไก่ รวมทั้งผลิตภัณฑ์นมเนยพร่องไขมันอีกด้วย เมื่อมิได้รับประทานแต่ผัก ผลไม้เพียวๆ แนวทาง “กึ่งมังสวิรัติ” จึงเป็นที่นิยมมาก อย่างน้อยก็ดับอาการอยากรับประทานเนื้อสำหรับคนที่ไม่เคยรับประทานมังสวิรัต ิมาก่อนได้ โดยแนวทางคือ ให้งดรับประทานเนื้อสัตว์ใดๆ อย่างน้อย 4 วันต่อสัปดาห์

แนวคิดนี้เริ่มที่อเมริกา ซึ่งมาจากความต้องการหลีกเลี่ยงไขมัน หันมารับประทานอาหารที่มีกากใยสูง คำตอบที่ได้ก็คือ อาหารมังสวิรัติ ทว่านักโภชนาการหลายคนก็ยังเชื่อว่าเป็นวิถีที่ค่อนข้างสุดโต่งเกินไป รวมทั้งเกรงว่าจะได้รับโปรตีนไม่ครบประเภทที่ร่างกายต้องการ แนวทาง “กึ่งมังสวิรัติ” จึงเกิดขึ้นมา เพื่อที่ให้ผู้ปฏิบัติตามได้มีทางเลือกรับประทานเนื้อสัตว์ได้ด้วย

ผลสำรวจผู้ที่เข้าโปรแกรมรับประทานแบบ “กึ่งมังสวิรัติ” พบว่า นอกจากน้ำหนักจะลดลงแล้ว ความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ก็จะลดลงด้วย (ผลวิจัยทำนาน 19 ปี โดยมหาวิทยาลัยทูเลน ในนิวออร์ลีนส์)

2. อาหารออร์แกนิก

นับว่าเป็นเทรนด์อาหารที่ “โตเร็ว” ที่สุดในตลาดก็ว่าได้ อาจด้วยเพราะภาพลักษณ์ของ “อาหารออร์แกนิก” (Organic Food) นั้นดูสุขภาพจ๋า... จริงๆ อาหารชนิดนี้แปลเป็นไทยว่า อาหารเกษตรอินทรีย์ ซึ่งผลิตภัณฑ์ประเภทนี้มาจากระบบเกษตรกรรมที่เน้นความสำคัญต่อการอนุรักษ์ฟื ้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของดิน การรักษาแหล่งน้ำให้สะอาด กระบวนการผลิตเป็นไปโดยอาศัยหลักการระบบนิเวศ เสริมสร้าง ผสมผสานและเกื้อกูลกัน คำนึงถึงวงจรชีวิตในระบบนิเวศ ไม่ใช้ปัจจัยการผลิตที่เป็นสารเคมีสังเคราะห์ทุกชนิดที่จะทำลายความสมดุลของ นิเวศการเกษตรและกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ ยังมีผลวิจัยเกี่ยวกับ “อาหารออร์แกนิก” ออกมามากมาย ซึ่งก็น่าจะสืบเนื่องมาจากความนิยมที่พุ่งพรวดนั่นแหละ โดยพบว่าอาหารประเภทนี้มีวิตามินสูงกว่าอาหารทั่วๆ ไป อย่างเช่น ผลวิจัยที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ได้ความว่า “อาหารออร์แกนิก” มีวิตามินซีสูงกว่าอาหารทั่วไปถึง 27 เปอร์เซ็นต์ มีธาตุเหล็กสูงกว่า 21 เปอร์เซ็นต์ และมีสารแมงกานีสสูงกว่าถึง 29 เปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ตาม ต้องตั้งข้อสังเกตไว้สำหรับคนที่ต้องหลีกเลี่ยงไขมัน เพราะมิอาจการันตีได้ว่า “อาหารออร์แกนิก” จะปราศจากสิ่งที่บั่นทอนสุขภาพ 100 เปอร์เซ็นต์ เพียงแต่มีคุณค่าทางอาหารและกากใยมากกว่าอาหารทั่วไปเท่านั้นเอง

3. อาหารเสริมคุณค่า

กลุ่มคนที่เคร่งเครียดจัดๆ เรื่องคุณค่าทางอาหาร อาจจะรู้สึกบ่อยๆ ว่า ร่างกายของตัวเองขาดสารนู่นสารนี่ไปเรื่อย “อาหารเสริมคุณค่า” (Functional Foods) จึงเกิดขึ้นมาตอบสนองเทรนด์ความนิยมนี้ ไม่ว่าจะเป็นนมแคลเซียมสูง ไข่ไก่ใส่โอเมกา 3 น้ำส้มเสริมวิตามินเอและซี แป้งเสริมโปรตีน ฯลฯ

“อาหารเสริมคุณค่า” อาจมีส่วนช่วยเติมเต็มคุณค่าทางอาหารที่ขาดไปของหลายๆ คน ยกตัวอย่าง คนที่รับประทานนมไม่ได้ อาจเนื่องจากอาการแพ้ อาจจะเลือกรับประทานไข่ไก่เสริมแคลเซียมทดแทนได้ เช่นเดียวกับคนแพ้อาหารทะเล ก็มีไข่หรือขนมปังเสริมโอเมกา 3 เป็นทางเลือก แนวทาง “อาหารเสริมคุณค่า” ยังช่วยให้แต่ละคนที่ปฏิบัติตาม สามารถสร้างสมดุลในมื้ออาหารได้ โดยที่พฤติกรรมในการบริโภคแต่ละวันไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงใดๆ

4. สโลว์ฟู้ด

ถ้าเราเรียกอาหารฟาสต์ฟู้ดว่าอาหารรับประทานด่วน สโลว์ฟู้ดก็คือแนวทางตรงกันข้าม นั่นก็คือค่อยๆ ปรุง ค่อยๆ รับประทาน ซึ่งก็เกิดขึ้นมาจากการต่อต้านอาหารฟาสต์ฟู้ดนั่นแหละ

เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว การ์โล เปตรินี เจ้าของภัตตาคารแห่งหนึ่งในอิตาลีเป็นเจ้าของแนวคิดนี้ โดยการโปรโมตอาหารแนวเมดิเตอร์เรเนียนที่ดีต่อสุขภาพมากๆ และให้คนเราค่อยๆ นั่งลง ละเลียดกิน พินิจอาหารที่ดูออกมาว่าวัตถุดิบที่นำมาปรุงเป็นแต่ละจานนั้น ทำจากอะไรบ้าง แต่ที่เน้นหนักก็คือ ชีวิตของเราไม่ควรจะเร่งรีบเกินไป โดยเฉพาะเรื่องของการรับประทานอาหาร

สำหรับ “สโลว์ฟู้ด” (Slow Food) นั้นค่อนข้างจะเกี่ยวโยงกับแนวทาง “ฟาร์มท้องถิ่น” อยู่ไม่น้อย เนื่องเพราะเป็นแนวทางที่ต้องการวัตถุดิบในการปรุงที่สดใหม่ เพื่อให้ได้คุณค่าทางอาหารสูงสุด นอกจากนี้ “สโลว์ฟู้ด” ยังเน้นแนวคิดในเรื่องอารมณ์ความรู้สึก โดยเฉพาะเมื่อเป็นแนวทางที่เกิดจากประเทศอิตาลี ที่ถือความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นหลัก

จาก “ฟาร์มท้องถิ่น” ผู้ปรุงคัดสรรค์วัตถุดิบที่ดีและสดใหม่ที่สุด แล้วปรุงรับประทานแบบ “สโลว์ฟู้ด” พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นวิถีที่มนุษย์ควรจะปฏิบัติกัน มิใช่คว้าพิซซา 1 ถาด มานั่งรับประทานหน้าทีวีเช่นชีวิตคนส่วนใหญ่ในยุคนี้

5. ผักสวนครัวรั้วกินได้

ผัก-ผลไม้สดกลายเป็นที่ต้องการมากขึ้นในยุคนี้ และเนื่องด้วยการผลิตผัก-ผลไม้ในอุตสาหกรรมมักจะปนเปื้อนสารเคมี คนทุกวันนี้จึงเริ่มหันมาทำสวนเล็กๆ เองที่บ้าน หลายๆ แห่งถึงขนาดรวมกลุ่มกันทำเป็นชุมชนปลูกผัก-ผลไม้รับประทานเอง ซึ่งทำให้สามารถควบคุมผลผลิตที่สดใหม่ไร้สารเคมีที่แปลกปลอมได้

แนวคิด “ฟาร์มท้องถิ่น” (Locally Grown Foods) เป็นรูปเป็นร่างขึ้นในหลายๆ แห่ง บ้างเป็นการรวมกลุ่มกันเองหลวมๆ สบายๆ บ้างก็จริงจังถึงขั้นตั้งเป็นสหกรณ์ โดยนอกเหนือจากผัก-ผลไม้แล้ว ยังเริ่มที่การทำปศุสัตว์ เอาเนื้อและนมโค รวมทั้งสัตว์ที่สามารถปรุงเป็นอาหารอื่นๆ ไปจนถึงการเลี้ยงผึ้งเพื่อเอาน้ำผึ้งเลยทีเดียว

การทำ “ฟาร์มท้องถิ่น” ทำให้เป็นที่แน่ใจได้ชัวร์ๆ เลยว่า จะได้ผัก-ผลไม้ที่สดใหม่ เช่นเดียวกับเนื้อสัตว์และผลิตผลต่างๆ ที่ไม่ผ่านกระบวนการผลิตที่มีสารแปลกปลอมใดๆ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเต็มไปด้วยคุณค่าอาหารและวิตามินที่พึงมีอย่างครบถ้วน เห็นมั้ยล่ะ การเลือกรับประทานดีๆ ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป และยังไม่สายถ้าจะเริ่มในวันนี้

จาก Link

http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=magazine&id=216872

--------------------------------------------

ช่วงที่ 2

ประเด็น

หัวข้อ “ ด้วยรักและผูกพัน (ต่อถิ่นฐานบ้านเกิด) ”

- เข้าสู่ช่วงที่ 2 ของรายการ โทร เข้ามาซักถามนะคะ คุณอาจเป็นผู้โชคดีได้รับของรางวัลพิเศษสุด แกลมเมอร์ แฮร์แคร์ สนับสนุนผลิตภัณฑ์ผมจากสหรัฐอเมริกา แบรนด์ BEDHEAD ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมสำหรับคนรุ่นใหม่ วัยมันส์บังคับทิศทางเส้นผมได้ตามใจปรารถนา หาซื้อได้ที่ห้างเซ็นทรัล แผนกเครื่องประดับตกแต่งสตรีทุกสาขา และแบรนด์ CATWALK ผลิตภัณฑ์ผมสำหรับหนุ่มสาวแฟชั่นทันสมัย เบาสะอาด จัดแต่งทรงผมได้ในพริบตา หาซื้อได้ที่ ร้านบูท ทุกสาขา

มอบ กิฟท์ เวาเชอร์ มูลค่า 200 บาท สำหรับไปสระซอยผม และมูลค่า 500 บาท สำหรับไปดัดยืดทำสีผม ให้กับคุณผู้ชม Only the Lonely ที่โทรเข้ามา เลือกได้ตามใจเลยค่ะ....

พบกับ VTR หัวข้อ “ คุณมีความรักและความผูกพันต่อถิ่นฐานบ้านเกิดมากน้อยแค่ไหน อย่างไร ”

สรุปประเด็นใน VTR

  • ช่วง โลนลี่ ทอล์ค เราจะสนทนาในเรื่อง ด้วยรักและผูกพัน(ต่อถิ่นฐานบ้านเกิด) โดยแขกรับเชิญวันนี้ คือ คุณอำนาจ แสงสุขสวัสดีและยินดีต้อนรับเข้าสู่รายการค่ะ
  • เป็นคนที่ไหน เรียนจบด้านใด
  • มาจากครอบครัวที่มีอาชีพอะไร ลักษณะการเลี้ยงดูเป็นแบบไหน
  • และตอนนี้ทำงานอะไรอยู่
  • ทำไมถึงรักบ้านเกิด มากๆๆ ทั้งที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นน้อยนิด
  • แ นวคิดรักบ้านเกิดได้แสดงออกผ่านการทำงานเชิงสังคมมากมายหลายแนวทาง อยากให้เล่าให้ฟังค่ะ (ชมรมอาสาพัฒนาท้องถิ่นกาฬสินธุ์ กุล่มรักษ์ไผ่สีทอง ชมรมเครือข่ายการเรียนรู้พัฒนา จุลสารคนรักท้องถิ่น ศึกษาวิจัยพื้นที่บ้านเกิด เว็บไซด์ บันทึกลำนำคำคมคนท้องถิ่น และหนังสือทำมือที่ร่วมกับนายบอน)
  • ช่วงหน้า เราจะมาเจาะชีวิตการทำงานเพื่อบ้านเกิดและชีวิตรักของเขาด้วย อย่าพลาดชมนะคะ

-----------------------------------

ช่วงที่ 3

ประเด็น

หัวข้อ “ ด้วยรักและผูกพัน(ต่อถิ่นฐานบ้านเกิด) ”

  • กลับเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของรายการ

โทร เข้ามาพูดคุยนะคะ คุณอาจเป็นผู้โชคดีได้รับของรางวัลจาก

แกลมเมอร์ แฮร์แคร์ สนับสนุนผลิตภัณฑ์ผมจากสหรัฐอเมริกา แบรนด์ BEDHEAD ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมสำหรับคนรุ่นใหม่ วัยมันส์บังคับทิศทางเส้นผมได้ตามใจปรารถนา หาซื้อได้ที่ห้างเซ็นทรัล แผนกเครื่องประดับตกแต่งสตรีทุกสาขา และแบรนด์ CATWALK ผลิตภัณฑ์ผมสำหรับหนุ่มสาวแฟชั่นทันสมัย เบาสะอาด จัดแต่งทรงผมได้ในพริบตา หาซื้อได้ที่ ร้านบูท ทุกสาขา

พร้อมกันนี้ แกลมเมอร์ แฮร์แคร์ ลาดพร้าว 101 มอบ กิฟท์ เวาเชอร์ มูลค่า 200 บาท สำหรับไปสระซอยผม และมูลค่า 500 บาท สำหรับไปดัดยืดทำสีผม ให้กับคุณผู้ชม Only the Lonely ที่โทรเข้ามา เลือกได้ตามใจเลยค่ะ....

  • มาคุยในประเด็นกันต่อ ด้วยรักและผูกพัน(ต่อถิ่นฐานบ้านเกิด)

ในช่วง โลนลี่ ทอล์คกับคุณอำนาจ แสงสุข

  • เรียกสายสด จากทางบ้าน
  • ทำงานเพื่อบ้านเกิดมากมายขนาดนี้ สถานภาพส่วนตัวเป็นอย่างไร
  • ทราบมาว่าแต่งงานกับสาวโคราช (แถมเธอยังอายุมากกว่าซะด้วย) ปิ๊งกันยังไง
  • ทำไมถึงรักเดียวใจเดียวได้ขนาดนี้ (มีคนใกล้ชิดแอบอิจฉาและฝากมาถามค่ะ)
  • ครอบครัวเข้าใจงานเชิงสังคมของเรามั้ย
  • เหตุใดยังคงรักษาอุดมการณ์การทำงานเชิงสังคมเพื่อพัฒนาบ้านเกิด ท้องถิ่นได้อย่างมั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลง

สรุปจบ : ขอบคุณ คุณผู้ชมทุกท่าน ขอบคุณทุกสาย และทุก SMS

ขอบคุณ แกลมเมอร์ แฮร์แคร์ ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม BEDHEAD (เบดเฮด) ที่เซ็นทรัลทุสาขาและ CATWALK (แคทวอร์ค) ที่ บูทสโตร์ ยินดีให้คำปรึกษาการดูแลรักษาเส้นผมที่ Call Center 02-731-2011 ตลอด 24 ชั่วโมง

พบกับ Only The Lonely ได้ใหม่ในวันจันทร์หน้าเวลา 5 ทุ่มถึงเที่ยงคืนครึ่ง ยังคงนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความรักความสัมพันธ์ แบบไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดวัยเหมือนเดิมค่ะ สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ


****

ข้อมูลของแขกรับเชิญ
- นายอำนาจ แสงสุข อายุน้อยกว่าพี่ปุ้ย 4 ปี
- จากบ้านเกิดมาตั้งแต่เด็กๆ แต่กลับรักถิ่นฐานบ้านเกิดมากกว่าคนที่เติบโตในถิ่นฐานบ้านเกิด เคยทำงานเป็นนักประชาสัมพันธ์ นักข่าวท้องถิ่นที่อยุธยา เป็นพนักงานโรงแรม พนักงานโรงงาน และธุรกิจส่วนตัวบนแนวคิดความพอเพียง
- จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ด้วยความที่เป็นนักคิด นักเขียนในแบบของตนเอง จึงมีแนวคิดที่น่าสนใจเชิงปรัชญา โดยเขียนบันทึก ลำนำคำคมคนท้องถิ่น และมีแนวคิดในเรื่องปรัชญาความรัก การครองเรือนที่น่าสนใจไม่น้อย
ผลงานที่น่าสนใจในแบบเฉพาะตัวของเขา
อันนี้คือ รายละเอียดคร่าวๆจากในหนังสือทำมือ..
1.ก่อตั้งชมรมอาสาพัฒนาท้องถิ่นที่กาฬสินธุ์ รวบรวมกลุ่มลูกหลานที่แยกย้ายไปทำงาน + เรียนที่ต่างๆ ปลุกสกนึกรักษ์บ้านเกิด
2.ทำการศึกษาวิจัยสภาพพื้นที่บ้านเกิด เปรียบเทียบจุดอ่อนของท้องถิ่นบ้านเกิดตัวเองกับพื้นที่อื่นที่เจริญกว่า แล้วมอบให้ อบต.เก็บใส่ตู้ไว้ !!!
3.รวมตัวตั้งกลุ่มรักษ์ไผ่สีทองเกษตรแบบพอเพียงและสัจจะออมทรัพย์เพื่อการผลิต ที่โคราชจนถูกนักการเมืองเขม่น ในที่สุดต้องล้มเลิกไป
4.จัดทำบทเรียนจากชุมชน เรื่องการศึกษาเชิงกลยุทธที่ ต.โตนด โคราช
5.จัดตั้งชมรมเครือข่ายการเรียนรู้เพื่อการพัฒนา
6.เขียนบันทึกลำนำคำคมคนท้องถิ่น
7.ทดลองจัดทำจุลสารคนรักท้องถิ่น
8.เป็นที่ปรึกษาชุมชน ให้คำแนะนำจดแจ้งภูมิปัญญาท้องถิ่นกับกลุ่มอาชีพต่างๆในชุมชนที่ตนอยู่อาศัย ก่อนที่ชาวต่างชาติจะแอบมาจดสิทธิบัตรไปก่อน
9.ริเริ่มต้นทำกองทุนศิษย์เก่าเพื่อน้อง มอบจักรยานเพื่อน้องที่ขาดแคลนในท้องถิ่นบ้านเกิด
10.ริเริ่มแนวคิดจัดทำเวบไซต์ของบ้านเกิด แม้จะล้มลุกคลุกคลานไปบ้าง
11.มีข้อเสนอ + แนวความคิดดีๆ เพื่อพัฒนาท้องถิ่นบ้านเกิดหลายโครงการ รอนักการเมืองท้องถิ่นที่เห็นคุณค่านำไปใช้
....ว่าแต่ จะเหมาะกับการเป็นแขกรับเชิญในรายการ only the lonely รึเปล่าเนี่ย...
.... แต่ก็มีประเด็นให้เลือกหยิบมาสัมภาษณ์ได้พอสมควร รวมถึงเรื่องความรักความสัมพันธ์
เค้ารักและผูกพันกับถิ่นฐานบ้านเกิดขนาดนี้ แล้วความรักต่อครอบครัว ภรรยาและลูกของเค้าล่ะ จะขนาดไหน...

แต่คนที่รู้จัก และเคยอ่านหนังสือของเค้า อยากให้ถามคำถามเหล่านี้มากกว่า

1. ชีวิตผ่านอะไรมาตั้งเยอะ ทำไมถึงเลือกแต่งงานกับสาวโคราช แถมอายุมากกว่าอีก

2. ใช้ชีวิตยังไง ถึงไม่เสียคน หลงในอบายมุข

3. ทำยังไงถึงได้รักเดียวใจเดียว มั่นคงถึงขนาดนี้

4. ทำไมถึงรักบ้านเกิดมากนัก ทั้งๆที่ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิด (กาฬสินธุ์) น้อยมากๆ

5. ทำไมถึงรักษาจุดยืน อุดมการณ์เพื่อสังคมได้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่หลายคน เปลี่ยนใจไปแล้ว


No comments:

Post a Comment