Monday, October 15, 2007

เรื่องเล่าบนรถโดยสาร ป.2 สาย 34-6 เมื่อ 11 ต.ค.2550 กทม-สหัสขันธ์-บ้านแพง

เหตุการณ์ในเวลาที่หลายคนกำลังหลับ....

นายบอนมักจะมาต่อรถที่โคราช เพื่อเดินทางกลับบ้าน-กาฬสินธุ์อยู่บ่อยครั้ง
หลายครั้งมักจะมีเรื่องประทับใจหยิบยกมาเล่าได้เสมอ
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
นายบอนเดินทางมาต่อรถที่ บขส.ใหม่ โคราช ถึงตอน 19.00 น. ท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำอย่างรุนแรง
ฝนตกดีเหลือเกิน
จะมีรถโดยสารสาย 99 กรุงเทพ - นครพนมเข้ามาตอน 19.30 น. จะถึงกาฬสินธุ์ราว 23.30 น.
วิ่ง 4 ชั่วโมง

แต่วันนี้ รถเต็ม มีที่นั่งว่างเพียง 13 ที่
แต่คนเดินทางกลับเยอะเหลือเกิน
นายบอนเหน็ดเหนื่อยมากๆ คงจะยืน 4 ชั่วโมงไม่ไหว เลยไม่ซื้อตั๋วกลับเที่ยวนี้ รถเที่ยวต่อไป ราว 3 ทุ่มจะดีกว่า
เพราะตกรถเที่ยวที่หมายตาไว้ เลยเกิดบันทึกนี้ขึ้น
มีรถ .2 ,รถสาย 99 วิ่งเข้ามา บขส.โคราช ช่วง 2 ทุ่ม และช่วง 3 ทุ่มครึ่งอีกหลายคัน
รถที่ผ่านกาฬสินธุ์ เต็มทุกที่นั่ง
วันพฤหัสแท้ๆ รถที่นั่งเต็มเสียแล้ว
จะกลับรอ ปอ.1 ไปถามดูแล้ว มีเที่ยวตั้งแต่ 5 ทุ่ม ซึ่งก้ไม่รู้ว่าจะมีที่ว่างหรือไม่
ช่วง ก่อน 4 ทุ่ม มีรถโดยสาร ป.2 และ รถสาย 99 จะทยอยวิ่งเข้ามาเรื่อยๆ
จากการรอคอยอันยาวนาน เลยเป็นการลุ้นว่า รถจะมีที่นั่งว่างหรือไม่
แต่ก็เต็ม ๆๆๆๆ และเต็ม

มีผู้โดยสารสูงวัยท่านหนึ่ง จะกลับกาฬสินธุ์เช่นกัน ไปซื้อตั๋วที่ช่องขายตั๋ว พอรู้ว่า มีแต่ตั๋วยืน ท่านนั้นก็ไม่ไป
จถรอรถคันที่มีที่นั่ง

ช่วง ก่อน 4 ทุ่ม ได้ยินประกาศขายตั๋วสำหรับคนที่จะเดินทางไปกาฬสินธุ์ สมเด็จ สกลนคร
ท่านนั้นก็เดินไปที่ช่องขายตั๋ว ถามว่า ขายตั๋วแล้ว ได้นั่งแน่หรือ
เจ้าหน้าที่ขายตั๋วบอก ต้องรอดูว่า รถจะมีที่นั่งว่างไหม ขายตั๋วไว้ก่อน ถ้าไม่ว่างก็ต้องยืน

ผู้โดยสารท่านนั้นไม่พอใจ เลยกระซิบบอกว่า "ผมเป็นสื่อมวลชนนะ ช่วยผมหน่อยเถอะ ผมเขียนข่าวให้เสียหายได้นะ"

เจ้าหน้าที่เลยบอกว่า ให้รอดูรถโดยสารที่วิ่งเข้าสถานีก่อนนะครับ แล้วค่อยมาซื้อตั๋วละกัน

ดูท่าทาง รถแน่น ไม่มีที่นั่งเต็มมาหลายเที่ยว
ยิ่งอยู่ดึก ก็ยิ่งถึงบ้านดึก
นายบอนเลยตัดสินใจ ยืนก็ยืน
ขอแค่ให้ถึงบ้านก็พอแล้ว....

ช่วง 4 ทุ่มครึ่ง เห็นรถ ป.2 กรุงเทพ - บ้านแพง ดูที่ป้ายที่ขึ้นไว้หน้ากระจก เขียนเส้นทางที่รถจะผ่าน เพียบเลย
มีกาฬสินธุ์ด้วย เห็นคนขับลงมายืนขายตั๋ว แต่ที่จริงไม่มีตั๋ว
จ่ายเงินแล้วขึ้นรถเลย

ม ีผู้โดยสารท่านหนึ่งแย้งว่า จ่ายเงิรนค่าโดยสารไม่มีตั๋วแล้ว ไม่เกิดปัญหาในการเดินทางเหรอ เพราะรถร่วม บขส. จะต้องซื้อตั๋วและมีตั่ซนี่นา
"ไปกับผมไม่เป็นไรหรอกพี่" คนขับร่างอ้วน พูดขึ้น
ได้ยินเสียง เห็นท่าทางห้าวๆของคนขับแล้ว นายบอนชักชอบ เลยไปถามซื้อตั๋ว
"กาฬสินธุ์ 156 บาท"

จ่ายเงินขึ้นไปบนรถ ก็ได้ยิน โชคดีที่มีคนยืนเป็นเพื่อนอีก 3 คน
รถจอดสักครู่ คนขับก็ออกจาก บขส.ใหม่ทันที
ทำเอานายบอนทึ่ง เพราะรถสาย ป.2 หลายสาย จะจอดที่ บขส.ใหม่โคราช นานมากๆ แต่คันนี้ พึ่งจะเข้ามาจอด
จอดไม่กี่นาที พี่ท่านก็พารถออกไปเลย

แต่ออกมาไม่นาน รถ ป.2 ก็มาจอดให้ผู้โดยสารพักรับประทานอาหาร 30 นาที ที่จุดพักรถต้นสน
"บ้านสวนกอบแก้ว 126 ถ.มิตรภาพ หนองงูเหลือม อ.เฉลิมพระเกียรติ"

ในช่วงเรียนมัธยม เวลาที่เข้า กทม. นายบอนมักจะนั่งรถ ป.2 และมักจะมาพักทานอาหารที่จุดพักรถต้นสนหลายครั้ง
แต่ช่วงหลังๆ นั่ง ป.1 นั่งสายอื่นๆ จะจอดพักรับประทานอาหารที่ บขส.โคราชเป็นส่วนใหญ่


จุดพักรถต้นสน เป็นร้านอาหาร ร้านขายของฝาก สินค้าพื้นเมืองหลายอย่าง
ถือเป็นการกระจายรายได้ หล่อเลี้ยงธุรกิจชุมชนให้อยู่ได้
อาหารที่ขาย อร่อยและได้มากกว่าที่ขายที่ ขบส.โคราช
ได้น้อยแล้วยังแพง หลายอย่างดูไม่ค่อยจะสะอาดมากนัก
แต่รถโดยสารหลายสาย อาศัยความสะดวกสบาย ความเป็นมาตรฐาน เลยจอดพักรถ ที่ ขบส.โคราชที่เดียว
แต่บรรดารถ ป.2 รถโดยสารของคนชั้นกลาง จนถึงชั้นธรรมดา ติดดิน
จึงผูกธุรกิจไว้กับร้านค้าท้องถิ่น

เมื่อคนขับพาผู้โดยสารมาจอดพักกินอาหาร
คืนนั้น ก่อนที่คนขับจะออกรถ เจ้าของร้านก็เอาของฝากใส่ถุงให้คนขับติดมือไปด้วย
เป็นน้ำใจในแบบชาวบ้าน ที่ต่างจากที่พบเห็นใน บขส.
เมื่อคนขับนำรถมาพัก ก็จะจอดรถจนหมดเวลา แล้วก็เรียกผู้โดยสารขึ้นรถเดินทางต่อ
ไม่มีของฝากของติดมือเหมือนแบบนี้
ที่ บขส. หลายอย่างเป็นธุรกิจไปหมด....

รถคันนี้ วิ่งหลายเที่ยว หลายครั้ง คงจะเจอปัญหาที่ผู้โดยสารที่ไม่มีที่นั่ง
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
ช่วงพักที่จุดพักรถต้นสน คนเก็บค่าโดยสารสาว เลยเปิดช่องเก็บของใต้ท้องรถ หยิบเก้าอี้ตัวเล็กๆเป็นเก้าอี้เด็กเล็ก 4 ขา มีพนักพิง
เอามาให้ผู้โดยสาร 4 คนที่ยืน ได้นั่ง
ถือขึ้นไปบนรถ แล้วแจกให้วางนั่งตรงช่องทางเดินกลางรถ ระหว่างเก้าอี้สองแถว
พอวางเก้าอี้ นั่งลงไปแล้ว จะนั่งในระดับที่ต่ำกว่าเก้าอี้ผู้โดยสารคนอื่นๆ ศรีษะอยู่ในระดับไหลของคนที่นั่งเก้าอี้ผู้โดยสารปกติ
แรกๆ พี่ทหาร และพี่คนอ้วนๆ เขินที่จะนั่ง เลยยืนไปสักพัก
เวลาผ่านไปสักหน่อย ก็เลยหย่อนก้นลงนั่งเก้าอี้เด็กเล็ก ซึ่งแน่นอนว่า นั่งไม่สบายหรอก แต่ก็ดีกว่ายืน

ช ่วงเวลาที่รถวิ่งเข้าโค้ง เก้าอี้เล็กๆก็จะโยกตามไปด้วย เหมือนจะล้ม แต่ตัวคนที่นั่งก็ชิดกับสันเก้าอี้ผู้โดยสารทั้งสองฝั่งอยู่แล้ว เลยเขยื้อนได้ไม่มาก

ช่วงเวลาที่นั่งบนเก้าอี้เสริม เก้าอี้เด็ก 4 หนุ่มหลับไม่ได้สนิท เพราะจะเอนหลังก็จะหงายหลังทันที เลยนั่งตาปริบๆไป
การนั่งเก้าอี้เล็กๆ ที่สูงระดับไหล่ของคนที่นั่งเก้าอี้ปกติถ้าเกิดไปนั่งใกล้ๆ คนที่มีกลิ่นตัว กลิ่นรักแร้รุนแรง
ค งเป็นสิ่งที่ทรมานน่าดู โชคดีหรือโชคร้ายก้ไม่ทราบ ที่นายบอนเป็นหวัดพอดี เลยไม่ได้กลิ่นที่ว่า ยิ่งคนที่นั่งบนเก้าอี้ด้านขวา เป็นหนุ่มร่างอ้วน และตรงรักแร้ของเขา อยู่ในระดับจมูกของนายบอนพอดี ในช่วงที่เขาเอนเบาะนอนลง

ถึงแม้จะเป็นรถ ป.2 ที่หลายคนบ่นว่า วิ่งช้า จอดนาน
แต่หลังจากที่จอดที่ จัดพักรถต้นสน พี่คนขับก็เหยียบเอาเหยียบเอา สะใจนายบอนจริงๆ
เหลือบมองมายังหน้าต่างรถ พี่เค้าขับ เหยียบแซงรถ ป.1 ตั้งหลายคัน มันถึงใจมากๆ

พี่เค้าขับรถมาถึงมหาสารคาม
จอดส่งผู้โดยสารหน้า รพ.มหาสารคาม 1 ราย แล้วก็มีผู้โดยสารสาวขึ้นมาบนรถตอนตี 1 ครึ่ง
พี่คนขับและคนเก็นค่าโดยสารสาวก็ตะโกนถาม "ไปลงไหนคะ"
.." สมเด็จค่ะ"

เหลือบมองดู สาวที่เดินขึ้นมานั่งตรงเบาะหุ้มตัวเครื่องยนต์ของรถ ข้างคนขับ เป็นสาวผมยาว
แหม มารอรถจนถึงตี 1 นี่ น่ากลัวเหมือนกัน
ช่วงตี 1 เด็กวัยรุ่นหลายคนกำลังขับมอเตอร์ไซต์ซิ่งไปบนถนน
พี่คนขับต้องบีบแตรเตือนมอเตอร์ไซต์อยู่หลายครั้ง ระหว่างที่ชับรถออกจากมหาสารคาม มอเตอร์ไซต์ที่ขับซิ่งเห็นเกือบ 10 คัน

มาถึงศาลารอรถ หน้าทางเข้า มมส.ใหม่ ท่าขอนยาง
รถก็จอดรับผู้โดยสาร เป็นผู้หญิงคนเดียวที่มานั่งรอรถที่ ศาลา พอขึ้นรถก็บอกว่า จะไปลงที่ อากาศอำนวย สกลนคร!!!

พี่คนขับเลยถามตรงๆว่า มานั่งรอรถที่ศาลาคนเดียวดึกๆแบบนี้ ไม่กลัวโดนข่มขืนหรือ ยิ่งมีข่าวอยู่บ่อยๆ
แหม ถามตรงๆซะด้วย หลายคนอาจจะมองว่า ไม่เหมาะ ไม่ดีที่พูดกับผู้หญิงแบบนี้
แต่นี่คือความตรงไปตรงมา ความเป็นนักเลง ความจริงใจของพี่คนขับ....

ได้ยินคำถามของพี่คนขับแล้ว..
นั่นสินะ มานั่งรอรถคนเดียวจนถึงตี 1 ครึ่งนี่ น่ากลัวเหมือนกัน
แ ต่ตรงข้างๆศาลา มีรถเข็นขายก๋วยเตี๋ยว ชายสี่หมี่เกี๊ยว และตั้งโต๊ะ เก้าอี้อยู่หลายตัว และแสงไฟสีเหลืองนวนส่องถนนบริเวณนั้นก็สว่างจ้าอยู่พอสมควร เลยดูไม่เปลี่ยว มืดมากนัก แต่สาวผมยาวที่มานั่งรอรถไปอากาศอำนวยอยู่คนเดียวนี่ น่ากลัวเหมือนกันนะ....

นั่งรถดูรถ ผ่านไปคันแล้วคันเล่า จนมาเจอรถที่จะผ่านไปอากาศอำนวยได้ คงรอนานพอดูเหมือนกัน

รถแล่นมาถึง บขส.กาฬสินธุ์ตอนตี 2 ครึ่ง (ออกจาก บขส.โคราช 4 ทุ่มครึ่ง)
พักรถที่จุดพักรถ 30 นาที
ใช้เวลาวิ่งจริงๆ 3 ชั่วโมงเศษๆ
แต่รถสายอื่นๆ วิ่ง 4 ชั่วโมงบ้าง 4 ชั่วโมงครึ่งบ้าง
พี่คนขับเค้าซิ่งได้สะใจผู้โดยสารจริงๆ

สำหรับบางคนแล้ว อาจจะรู้สึกว่า ขับรถเร็ว หวาดเสียว ไม่ปลอดภัย
แต่ถ้าได้เห็นลีลาท่าทางของพี่คนขับแล้ว
ไว้ใจได้...

ก่อนที่จะถึง บขส.กาฬสินธุ์
มีผู้โดยสาร ลงระหว่างทางหลายคน
พี่คนที่นั่งเก้าอี้เสริม เก้าอี้เด็กเล็ก 3 คน ก็ยังคงนั่งอยู่
พอผู้โดยสารลุก ลงจากรถไป 2 คน
พี่คนอ้วนๆที่นั่งเก้ากอี้เสริมตัวหน้านายบอน ก็บอกให้น้องผู้หญิง 2 สาว มานั่งเก้าอี้เบาะที่ว่าง
คนขับเห็น เลยแซวเข้าให้ สงสัยพี่แกชอบเก้าอี้เล็ก ติดใจเลยไม่ยอมมานั่งเก้าอี้เบาะ....

แต่นี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆ ความเสียสละแก่สุภาพสตรีได้นั่งสบายๆ
เพราะผู้ชาย ทนลำบากได้เสมอ
คนเก็บค่าโดยสารหญิงก็พูดว่า เดี๋ยวก็จะได้นั่งเบาะแล้ว เพราะที่กาฬสินธุ์มีคนลงเยอะ....

ร ถโดยสารสาย 34-6 วิ่งจาก กทม - โคราช - สีดา - เมืองพล - บ้านไผ่ - บรบือ - สารคาม - กาฬสินธุ์- สหัสขันธ์ - บ้านใหม่ - คำม่วง - สามชัย - สามหมอ - วาริช - พรรณา - อากาศอำนวย - ศรีสงคราม - บ้านแพง

ความจริงแล้ว หลายท่าน เวลาเดินทาง ซื้อตั๋วขึ้นรถโดยสาร เที่ยวเดียว สายเดียวถึงจุดหมายปลายทางเลย
หลับงีบเดียวก็ถึงที่หมายแล้ว
ไม่ค่อยได้มีเรื่องเล่าระหว่างการเดินทางมากนัก

หลายครั้งที่ความลำบาก ความไม่สะดวกสบาย ทำให้เราค้นพบ ได้สัมผัสแง่มุมชีวิตในอีกด้านหนึ่งที่ไม่ค่อยจะได้สัมผัสมากนัก

นี่คือ เรื่องเล่าระหว่างการเดินทาง ที่หลายคนมักจะหลับไหล ไม่รู้เรื่องราวจนถึงที่หมาย แล้วงัวเงียตื่นลงจากรถ...

แต่การเดินทางคราวหน้า คาดว่าน่าจะมีสีสันมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นการบุกถ้ำเสือ เอ๊ย บุกรายการ only the lonely ของพี่ฮอลล์ VS พี่ปุ้ยซะที !!!


15 ตุลาคม 2550 เวลา : 11:12:00

ความคิดเห็นที่ 1
บ รรยายได้เห็นภาพเลยค่ะ คุณบอน เคยนั่งรถทัวร์จากกรุงเทพ ไปนครพนม ในรถมีเก้าอี้เสริมแถวกลางให้ผู้โดยสารนั่ง เห็นแล้วเมื่อยแทนเลยค่ะ
โดย conqueror เมื่อ 15 ตุลาคม 2550 เวลา : 13:07

ความคิดเห็นที่ 2
ภาพการเดินทางของวัยหนุ่มที่ละเอียด...รู้สังเกตชีวิต... ภาพเหล่านี้คือต้นแบบนิยาย...แต่ขณะนี้คือภาพร่าง ภาพเขียนนิยายที่จะกระจ่างเด่นชัดในวันข้างหน้า
โดย bughamton เมื่อ 15 ตุลาคม 2550 เวลา : 13:27

ความคิดเห็นที่ 3
เป็นการเดินทางที่ทรหดและเป็นสุภาพบุรุษซะ... ว่าแต่แน่ใจหรือคะว่าจะมาบุกถ้ำเสือจริง ๆ ยินดีต้อนรับเสมอค่ะ
โดย พี่ปุ้ย/บางมด kuntida.tha@kmutt.ac.th kmutt เมื่อ 15 ตุลาคม 2550 เวลา : 14:33

ความคิดเห็นที่ 4
OH YO ผมไม่ชอบเดินทางด้วยรถทัวร์ก็เพราะเหตุนี้แหละ ผมจึงเลือกที่จะบิดแมงกาไซค์ไปเอง เหอๆ
โดย milo2005 hihi เมื่อ 15 ตุลาคม 2550 เวลา : 16:12

ความคิดเห็นที่ 5
เรื่องราวมากมายระหว่างทางนะคะ ;)))
โดย sazzie เมื่อ 15 ตุลาคม 2550 เวลา : 21:24

ความคิดเห็นที่ 6
เ ก็บรายละเอียดดีมากเลยค่ะ เห็นภาพ และเหนื่อยแทน นานมาแล้วที่ไม่ได้ใช้บริการของรถประจำทาง เพราะมีรถขับไปเอง หรือไปเครื่องบิน แต่ยังจำรสชาติของชีวิตแบบนี้ได้....ถ้ำเสือ...ยินดีต้อนรับ ลูกเสือสามัญ...ขอให้มาเต๊อะ....
โดย pijika http://weblog.manager.co.th/publichome/pijika เมื่อ 16 ตุลาคม 2550 เวลา : 3:09

ความคิดเห็นที่ 7
ค ุณบอนคุณเล่าได้เห็นภาพจริงๆ นะค่ะ ฉันก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ใช้เส้นทางนั้นกลับบ้านเหมือนกันส่วนใหญ่จะขึ้นรถจาก หมอชิตนั่งของ 99 ไปลงที่กาฬสินธุ์เป็นประเภทรถ ป.1 หรือ VIP เพราะเดินทางกลางคืน แต่เวลากลับจากบ้านมา กทม.ฉันจะนั่งรถจาก บขส.กาฬสินธุ์มาลงที่โคราช แล้วต่อรถจากโคราชเข้า กทม. ไม่รู้ว่าทำมัยต้องต่อรถด้วยกะไม่รู้นะ แต่ที่ฉันชอบก็คือช่วงที่ผ่านระหว่างมหาสารคามและกาฬสินธุ์ บรรยากาศมันทำให้ฉันคิดถึงเมื่อตอนที่เรียน มมส.ที่นั่ง 4 ปีกับการใช้ชีวิตใน มมส.มันมีเรื่องราวหลายอย่างที่น่าจดจำ ขอบคุณที่วันนี้คุณทำให้ฉันได้รู้สึกถึงมันอีกครั้ง อืม...ไม่แน่นะเราอาจจะเคยเดินทางร่วมขบวนรถคันเดียวกันแล้วก็ได้ อิอิ ^_^
โดย ponkki - - เมื่อ 16 ตุลาคม 2550 เวลา : 7:07



ที่มา http://weblog.manager.co.th/publichome/bon48
15 ตุลาคม 2550

No comments:

Post a Comment